ประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ความดันโลหิตสูงสำหรับผู้ดูแล
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุความดันโลหิตสูงสำหรับผู้ดูแลในการพัฒนาความรู้ การรับรู้ความสามารถของตน ความคาดหวัง
ในผลลัพธ์ และการปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ในระยะก่อนทดลอง หลังทดลองและติดตามผล ซึ่งเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคคลที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปและทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว จำนวน 86 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 43 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม โดยมีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามด้านการรับรู้ความสามารถของตน ความคาดหวังในผลลัพธ์ และการปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เท่ากับ 0.878 0.843 และ 0.713 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและ Repeated Measure ANOVA ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลองผู้ดูแลผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโปรแกรมการสร้างเสริมพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุความดันโลหิตสูงในระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผล ผู้ดูแลกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ การรับรู้ความสามารถของตน ความคาดหวังในผลลัพธ์ และการปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุสูงกว่าก่อนทดลองและสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) โดยโปรแกรมมีอิทธิพลต่อความรู้ ร้อยละ 67.1 ( = 0.671) การรับรู้ความสามารถตนเอง ร้อยละ 83.9 (
= 0.839) ความคาดหวังในผลลัพธ์ ร้อยละ 85.4 (
= 0.854) และการปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ร้อยละ 36.2 (
= 0.362) และเมื่อผ่านไป 4 สัปดาห์แล้วผู้ดูแลผู้สูงอายุยังมีความคงอยู่ของความรู้ การรับรู้ความสามารถของตน ความคาดหวังในผลลัพธ์ และการปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุความดันโลหิตสูง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กมลมาลย์ วิรัตน์เศรษฐสิน และฐมาพร เชี่ยวชาญ. (2566). ประสิทธิผลการจัดกิจกรรมสุขศึกษาโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถแห่งตนต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง ตำบลสาริกา จังหวัดนครนายก. วารสารนวัตกรรมการศึกษาและการวิจัย, 7(4), 1370-1384.
จินตนา จักรสิงห์โต และรัตนา พันจุย. (2561). ผลของโปรแกรมการรับรู้ความสามารถแห่งตนต่อพฤติกรรมการควบคุมความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้โรงพยาบาลโคกสูง จังหวัดสระแก้ว. วารสารโรคและภัยสุขภาพ, 12(1), 56-64.
จินตนา นุ่นยะพรึก และคณะ. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมควบคุมระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลระโนด จังหวัดสงขลา. วารสารสุขศึกษา, 42(1), 190-203.
ณัฐปภัสญ์ นวลสีทอง และธัญรัศม์ ภุชงค์ชัย. (2560). ผลของโปรแกรมสุขศึกษาโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีการดูแลตนเองในการพัฒนาพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตของ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 35(4), 121-129.
ปฐมธิดา บัวสม และคณะ. (2562). ผลของโปรแกรมประสิทธิภาพตนเองต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง ตำบลรมณีย์ อำเภอกะพง จังหวัดพังงา. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 5(4), 549-567.
ปาริชาต รัตนราช และคณะ. (2563). ศักยภาพผู้ดูแลผู้สูงอายุที่สอดคล้องกับบริบทวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสาน. วารสารพยาบาลทหารบก, 21(1), 147-156.
ศิริรัตน์ ธะประวัติ และคณะ. (2564). ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 18(2), 290-303.
อัมมร บุญช่วย. (2558). ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไทรทอง อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชนมหาวิทยาลัยขอนแก่น, 3(2), 231-244.
Bandura, A. (1977). Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman and Company.
Bandura, A. (1986). Social foundation of thought and action: A social cognitive. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice-Hall.
Cohen, J. (1977). Statistical power analysis for the behavioral sciences. New York: Academic Press.
Faghri, P. et al. (2016). Effects of self-efficacy on health behavior and body weight. Journal of Obesity & Weight Loss Therapy, 6(6), 2-7.
World Health Organization (WHO). (2013). A global brief on hypertension silent killer, global public health crisis. Geneva: WHO Press.