การพัฒนาระบบสารสนเทศและกิจกรรมการเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางศาสนา ของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย

ผู้แต่ง

  • สมาพร มังคลัง วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • รุ่งสุริยา หอมวัน วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • ธนันต์ชัย พัฒนะสิงห์ วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การพัฒนาระบบสารสนเทศ, อัตลักษณ์ทางศาสนา

บทคัดย่อ

          บทความวิจัยเรื่องการพัฒนาระบบสารสนเทศและกิจกรรมการเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางศาสนาของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาด้านศาสนาของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย 2) ศึกษาระดับการของการใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาด้านศาสนาของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย 3) เพื่อสร้างนวัตกรรมระบบสารสนเทศเพื่อการเสริมสร้างกิจกรรมที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ด้านศาสนาของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย โดยผู้วิจัยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ

       ผลการวิจัยพบว่า

  1. รูปแบบการเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาด้านศาสนาของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21-30 ปี มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพรับจ้าง มีรูปแบบในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศผ่าน เฟชบุ๊ค โดยมีความถี่ในการเข้าใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 5 ครั้งขึ้นไปต่อวัน ในแต่ละครั้งส่วนใหญ่ใช้เวลาในการเข้าถึง 5 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน และเข้าถึงเนื้อหาด้านการศึกษาและนันทนาการ
  2. การใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาด้านศาสนาของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีอยู่ในระดับมาก โดยมีการใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ดังนี้ ด้านการศึกษา คือ เว็บไซต์และยูทูป (ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 32 และ 4.00) ด้านการเผยแผ่และสื่อสาร คือ เฟชบุ๊คและไลน์ (ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.28 และ 4.02) และด้านนันทนาการ คือ โทรทัศน์ (ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 3.86)
  3. การสร้างนวัตกรรมระบบสารสนเทศเพื่อการเสริมสร้างกิจกรรมที่สะท้อนถึง อัตลักษณ์ด้านศาสนาของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย

       พบว่า กลุ่มเป้าหมายมีความต้องการที่จะให้ทีมวิจัยได้เผยแพร่ข่าวสารทางเว็บไซต์ในอันดับหนึ่ง และผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลและสัมภาษณ์ตัวแทนทางศาสนาทั้ง 3 ศาสนา ได้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศที่ต้องการให้มีการพัฒนาหรือสร้างขึ้นมามากที่สุดคือการสร้างเว็บไซต์ (Web Site) ที่สามารถประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางศาสนาไปสู่กลุ่มเป้าหมายในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มีการเคลื่อนไหวทางเทคโนโลยีตลอดเวลา ทำให้ผู้วิจัย สนใจพัฒนาเว็บไซต์ที่มีชื่อว่าศูนย์การเรียนรู้และการวิจัยพหุวัฒนธรรม โดยนำสื่ออินเตอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เอกสารอ้างอิง

สินี ธเนศศรียานนท์. (2555). พฤติกรรมการเปิดรับสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อประโยชน์และความพึงพอใจของผู้ชมภาพยนตร์ (ที่ใช้สื่อ สังคมออนไลน์ Social Media). นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการภาพยนตร์-วีดิทัศน์. มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2557). สำรวจการมีและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในครัวเรือน พ.ศ. 2553 - 2557”. http://service.nso.go.th/nso/web/survey/surtec 5-1-3.html (20 กุมภาพันธ์ 2564).

อพัชชา ช้างขวัญยืน. (2561). พฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์และทักษะการรูเท่าทันสื่อสังคมออนไลน์. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร, 16(1), 188-197.

อรอุมา ศรีสุทธิพันธ์. (2545). ความคิดเห็นและพฤติกรรมการเปิดรับสื่ออินเตอร์เน็ตกับรูปแบบการดำรงชีวิตของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเขตกรุงเทพมหานคร. นิติศาสตร มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

เอมิกา เหมมินทร์. (2556). พฤติกรรมการใช้และความคิดเห็นเกี่ยวกับผลที่ได้จากการใช้ เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสถิติประยุกต์. สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-06-17

รูปแบบการอ้างอิง

มังคลัง ส., หอมวัน ร. ., & พัฒนะสิงห์ ธ. . (2021). การพัฒนาระบบสารสนเทศและกิจกรรมการเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางศาสนา ของชาวพุทธ คริสต์ อิสลามในสังคมไทย. วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์, 6(1), 265–279. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ambj/article/view/248257

ฉบับ

ประเภทบทความ

Research Articles