แนวทางการสร้างสุขด้วยหลักพุทธธรรมของชุมชนตำบลสลักได อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
การสร้างสุข , แนวทางการสร้างสุข, หลักพุทธธรรม, ชุมชนตำบลสลักไดบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาของชุมชนตำบลสลักได อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ 2) ศึกษาพุทธธรรมที่เกี่ยวกับการสร้างสุขทางสังคมในการอยู่ร่วมกัน และ 3) เสนอแนวทางการสร้างสุขด้วยหลักพุทธธรรมของชุมชนตำบลสลักได อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพภาคสนาม โดยศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลจากพระไตรปิฎก อรรถกถา เอกสาร และงานวิชาการที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอข้อมูลในรูปแบบการเขียนพรรณนาเชิงวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัญหาของชุมชนตำบลสลักได อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พบว่า ชุมชนขาดความน่าเชื่อถือไว้ใจกัน ไม่เกื้อกูลกัน และขาดความสามัคคี โดยเฉพาะผู้นำและสมาชิกบางคนขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่เข้าร่วมประชุมตามวาระ จึงมีความคิดไม่ตรงกัน ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ขาดความน่าเชื่อถือ บางครั้งรับฟังข้อมูลข่าวสารเพียงด้านเดียว หรือสื่อสารไม่เข้าใจกัน จนนำไปสู่ความขัดแย้ง และชุมชนขาดการสงเคราะห์เกื้อกูลกัน มีความคิดเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ ชิงดีชิงเด่นกัน นอกจากนั้น ชุมชนยังมีปัญหาด้านการครองชีพ ต้องดิ้นรนขวนขวายหางานทำ เป็นสาเหตุทำให้ขาดความสามัคคีกัน
2. หลักพุทธธรรมที่เกี่ยวกับการสร้างสุข ประกอบด้วย 1) ศีล 5 2) สังคหวัตถุ 4 และ 3) สาราณียธรรม 6
3. แนวทางการสร้างสุขด้วยหลักพุทธธรรมของชุมชนตำบลสลักได อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ประกอบด้วย 1) หลักศีล 5 พบว่า การรักษาศีล 5 ครบถ้วนทุกข้อ สามารถทำให้ชุมชนสงบสุข ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่สร้างความวุ่นวาย เพราะไม่มีการละเมิดสิทธิผู้อื่น ทุกคนในชุมชนควรมองว่าศีล 5 เป็นคุณธรรมพื้นฐานสามารถปฏิบัติได้ทุกคน และเป็นหน้าที่ของทุกคนในชุมชนต้องร่วมมือกันปฏิบัติ 2) หลักสังคหวัตถุ 4 พบว่า เป็นหลักธรรมอันดีงามของสังคม เพราะสามารถสร้างชุมชนให้เป็นสังคมแห่งการเกื้อกูลกันและกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน พร้อมมีความปรารถนาดีต่อกัน เป็นหลักธรรมเกื้อกูลต่อการสร้างความสามัคคีของชุมชน และ 3) หลักสาราณียธรรม 6 พบว่า เป็นหลักธรรมเหมาะสมกับสังคม เพราะสามารถนำมาปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม สามารถส่งเสริมชุมชนให้สร้างความน่าเชื่อถือกันและกัน มีความเกื้อกูล เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน มีความสามัคคีและพึ่งพาอาศัยกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หลักธรรมเหล่านี้ควรมีการส่งเสริมและประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม เพื่อความผาสุกและความดีงามของชุมชน
เอกสารอ้างอิง
ฐานิสร พันธ์ครุฑ. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อมั่นกับความคุ้มค่าในการเข้ารับบริการจากกระบวนการยุติธรรมของประชาชน. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต. คณะรัฐประศาสนศาตร์: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
บุญตัน หล้ากอง. (2532). แนวคิดเรื่องการพัฒนาชุมชนในพุทธศาสนา. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
แผนพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. 2561-2565 (ฉบับทบทวน พ.ศ. 2563). (2563). ข้อมูลพื้นฐานทางกายภาพ. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ.
พระณเดช ปคุโณ (สมบรณู ์พร้อม). (2564). แนวทางการพัฒนาชุมชนตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของประชาชนชุมชน OTOP บ้านบกหวาน ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระสุทิน จกฺกวโร (ราชวัฒน์). (2563). การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาวะของชุมชน บ้านหนองบัว อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ศิริสุดา ธนาวาณิชยกูล, ปารีญา ราพา และฉัตรวิไล สุรินทร์ชมพู. (2566). ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมและพัฒนาความรักความสามัคคีแบบมีส่วนร่วมของชุมชนหมู่บ้านป่าหม้อ อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น. วารสารเสฏฐวิทย์ปริทัศน์, 3(2), 1-11.
สุภาพรรณ ณ บางช้าง และคณะ. (2529). การประยุกต์หลักพุทธธรรมมาใช้ในการพัฒนาชนบท. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สิริวรรณ มิตต์สัตย์สิริกุล. (2565). การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมในการส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุ จังหวัดน่านในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
องค์การบริหารส่วนตำบลสลักได อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์. (2565). สภาพทั่วไป และข้อมูลพื้นฐานขององค์การบริหารส่วนตำบล. เข้าถึงได้จาก http://salakdai.go.th/page.php?pagename=data_detail&id=137 (สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2565).
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น ไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของบรรณาธิการ