แนวทางการบริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาตามหลักอปริหานิยธรรม ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์
คำสำคัญ:
แนวทางการบริหาร, หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา, หลักอปริหานิยธรรมบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน หลักอปริหานิยธรรม และแนวทางการบริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาตามหลักอปริหานิยธรรม ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ เป็นการวิจัยแบบผสมวิธี ได้แก่ เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามและแบบสนทนากลุ่ม เก็บข้อมูลด้านสภาพปัจจุบันโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มเป้าหมาย 46 รูป/คน เก็บข้อมูลด้านหลักอปริหานิยธรรมโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มเป้าหมาย 23 รูป/คน และเก็บข้อมูลด้านแนวทางการบริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาตามหลักอปริหานิยธรรมโดยใช้แบบบันทึกการสนทนากลุ่มกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 10 รูป/คน ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบันการบริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านงานกำกับมาตรฐาน รองลงมา ได้แก่ ด้านการขับเคลื่อนการทำวิจัยของนิสิต ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านงานจัดหาและพัฒนาสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้
2. หลักอปริหานิยธรรมในการบริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 5 ด้าน ด้านที่อยู่ในระดับมาก จำนวน 4 ด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านงานคุณภาพบัณฑิต รองลงมา ได้แก่ ด้านงานกํากับมาตรฐาน ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านงานจัดหาและพัฒนาสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้
3. แนวทางการบริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาตามหลักอปริหานิยธรรมในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ พบว่า มี 9 ด้าน 18 ประเด็น 40 แนวทาง ได้แก่ งานกำกับมาตรฐาน 8 แนวทาง งานคุณภาพบัณฑิต 4 แนวทาง งานรับส่งเสริมและพัฒนานิสิต 6 แนวทาง งานบริหารและพัฒนาอาจารย์ 4 แนวทาง งานหลักสูตรการเรียนการสอนและการประเมินผู้เรียน 4 แนวทาง งานจัดหาและพัฒนาสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ 2 แนวทาง งานขับเคลื่อนการทำวิจัยของนิสิต 4 แนวทาง งานกิจกรรมเสริมหลักสูตร 4 แนวทาง และงานบริหารทั่วไป 4 แนวทาง โดยสามารถนำหลักอปริหานิยธรรม 7 ประยุกต์เข้ากับการบริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา
เอกสารอ้างอิง
เขมานันท์ ขบวนฉลาด. (2564). การประยุกต์ใช้หลักอปริหานิยธรรมเพื่อการบริหารจัดการขององค์การบริหารส่วนตำบลประทัดบุ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์. วารสารมหาจุฬาคชสาร, 12(1), 133-134.
ณัฐณพัชร์ กลิ่นใจ และนงลักษณ์ ใจฉลาด. (2565). การศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง, 11(2), 6-7.
นวมินทร์ ประชานันท์. (2552). ทิศทางการพัฒนาหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. (รายงานการวิจัย). โครงการวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2559). พจนานุกรมพระพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 34). กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิการศึกษาเพื่อสันติภาพ.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์. (2566). รายงานการประเมินตนเองระดับวิทยาเขต ปีการศึกษา 2566. สำนักวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์. (2567). คู่มือประกันคุณภาพการศึกษา พุทธศักราช 2567. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์. (2567). แผนพัฒนามหาวิทยาลัยในช่วงแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระยะที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570). สำนักวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์.
รัชฎา โชตะชะมา และคณะ. (2567). การใช้หลักอปริหานิยธรรมต่อการบริหารงานของเทศบาลเมืองม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา. วารสารวิชาการการจัดการภาครัฐและเอกชน, 6(1), 133-134.
สมบัติ เจนสระคู และคณะ. (2561). การบริหารโรงเรียนของผู้บริหารตามหลักอปริหานิยธรรม 7 โรงเรียนการกุศลของวัดทางพระพุทธศาสนา ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด. (รายงายการวิจัย). มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความวารสารฉบับนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น ไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของบรรณาธิการ