Community Preparedness towards the Expansion of Coal Factories in Tambol Klong Sakae, Amphoe Nakhon Luang, Phra nakhon Si Ayutthaya Province (in Thai)

Abstract

The purpose of this is to study impacts of expansion coal factories in Tambol Klong Sakae, Amphoe Nakhon Luang, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province. The study is focused on an adaptation of community in aspects of physical, economy, social and environmental impact.

The study finds that local people have no preparedness towards the expansion of coal this area. One hand, some local people agree with the expansion because of economic benefits. Drastically rise of land price should be expected which they would take some advantages for selling their land to factories. On the other hand, some groups concern on environmental problem. They concern about severely damages in environment which caused by coal factories.

As a result, they sent their complaints to Tambol Administrative Organization (TAO)’s officer. Nonetheless, researcher notices that TAO officers are lack of knowledge about law enforcement for those factories. Not only this, but they also do not communicate clearly with the community for their complaints. Most of people realize that there is none of any responses from TAO for their complaint. Consequently, community feels they are alone, and lacks of commitments from TAO. For solving problems of coal factories each usually operates only in their harder. However, lack ofcoal factories each usually operates only  in their harder. However, lack of coordination and cooperation between coal factories, and government support community’s difficulty cannot be solved.

การเตรียมความพร้อมของชุมชนต่อการขยายตัว ของโรงงานประกอบธุรกิจถ่านหินในตำบลคลองสะแก อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ข้อมูลภูมิหลังทางด้านภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ  สังคม และสภาพแวดล้อม ของชุมชนตำบล คลองสะแก อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยาเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิด  ขึ้นทั้งทางด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และ สภาพแวดล้อมของชุมชนตำบลคลองสะแก ในอำเภอนครหลวงจากการดำเนินการของ โรงงานประกอบธุรกิจถ่านหิน และเพื่อประเมิน การเตรียมความพร้อมของชุมชนเมื่อมีการขายตัวของโรงงานประกอบธุรกิจถ่านหิน และป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น

ผลการวิจัยพบว่า ชาวบ้านยังขาดการ เตรียมความพร้อมต่อการขยายตัวของโรงงาน ประกอบธุรกิจถ่านหิน ซึ่งผู้วิจัยพบว่าชาวบ้านเกิดความแตกแยกระหว่างกลุ่มชาวบ้านด้วยกันเอง กลุ่มแรกต้องการให้มี โรงงานประกอบธุรกิจถ่านหินเนื่องจากทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นสามารถ ขายที่ดินและนำเงินไปซื้อแหล่งที่อยู่อาศัยอื่นแทนได้ อีกกลุ่มซึ่งเป็น กลุ่มมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มแรกได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษต่างๆ และต้องการให้โรงงานประกอบธุรกิจถ่านหินย้ายออกไปจากพื้นที่วิจัย

เจ้าหน้าที่ อบต. ในพื้นที่วิจัยเป็นกลุ่มองค์กรภาครัฐบาลซึ่งทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านและประสานงานไปยังผู้ประกอบ การโรงงานประกอบธุรกิจถ่านหิน แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่อง กฎหมาย เจ้าหน้าที่ อบต. จะดำเนินการจัดทำเอกสารส่งต่อไปยัง   หน่วยงานซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง หากแต่ขาดการแจ้งราย ละเอียดและแจ้งผลความคืบหน้าไปยังชาวบ้าน จึงทำให้ชาวบ้านส่วน มากเกิดความเข้าใจว่าเมื่อร้องเรียนไปยัง อบต. ปัญหาต่างๆ ก็มิได้รับ การแก้ไข หรือหากแก้ไขก็เพียงชั่วคราวแต่แล้วปัญหาเดิมก็กลับมาอีก เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้ความเชื่อถือจาก ชาวบ้านลดลง และกลายเป็นความไม่เชื่อถือในที่สุด สำหรับการแก้ไข ปัญหาของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานประกอบธุรกิจถ่านหินแต่ละ โรงงานมักจะดำเนินการเฉพาะในส่วนพื้นที่ของตนเท่านั้น หากแต่ ขาดการประสานงานและร่วมมือกันระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการด้วย กันเอง การแก้ไขปัญหาจากชาวบ้านจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก อีกทั้งยังขาดการส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐบาลในการแก้ไขปัญหา