หน้าแรก
การส่งบทความ
ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดการส่งบทความทุกข้อ บทความที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอาจถูกส่งคืนให้ผู้แต่งดำเนินการแก้ไข
บทความที่ส่งเข้ามาเพื่อรับการพิจารณาตีพิมพ์ ต้องเป็นต้นฉบับที่ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น
ขั้นตอนการส่งบทความให้ผู้แต่งส่งต้นฉบับบทความ พร้อมกับแนบแบบฟอร์มนำส่งบทความด้วย (ดาวน์โหลดได้ที่เมนู เอกสารดาวน์โหลด) ทั้งนี้ รูปแบบของบทความต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเตรียมต้นฉบับที่วารสารกำหนด รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของการสะกดคำ
บทความต้นฉบับที่ส่งเข้ามาในระบบต้องอยู่ในรูปแบบไฟล์ของ Microsoft Word เท่านั้น และต้องจัดรูปแบบเอกสารเป็นหนึ่งคอลัมน์ ใช้ตัวอักษรฟอนต์ TH Sarabun New ขนาด 14 pt. (ดูตัวอย่าง Template ได้ที่เอกสารดาวน์โหลด) ภาพประกอบและตารางมีการกำหนดโดยตัวเลข และวางไว้ในส่วนที่เหมาะสม
บทความความยาวไม่เกิน 15 หน้า โดยได้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมต้นฉบับบทความเรียบร้อยแล้ว
ต้องระบุรายละเอียดของผู้แต่งทุกคน ได้แก่ ที่อยู่อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้สะดวก
เอกสารอ้างอิงในบทความที่มีการอ้างอิงจากเว็บไซต์ URL ของเว็บไซต์นั้นต้องออนไลน์และใช้ได้จริง
ส่วนประกอบของบทความ
1. ชื่อเรื่องบทความ (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 2. ชื่อผู้เขียนทุกคนและหน่วยงานที่สังกัด (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 3. บทคัดย่อ (Abstract) ความยาวไม่เกิน 300 คำ และคำสำคัญ (Keyword) 3-5 คำ (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 4. เนื้อเรื่อง 4.1 บทความวิจัย ควรเป็นการนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้า ข้อค้นพบ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินการมาอย่างเป็นระบบตามขั้นตอน โดยควรมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ (สามารถมีหัวข้อหรือองค์ประกอบที่แตกต่างได้) 4.1.1 บทนำ (Introduction) ที่ครอบคลุมความสำคัญและที่มาของปัญหาวิจัย 4.1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย/ คำถามวิจัย (Research Objective/ Research Question) 4.1.3 วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ที่นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแบบแผนการวิจัย ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง ผู้เข้าร่วมวิจัย เครื่องมือวิจัย การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1.4 ผลการวิจัย (Research Finding) 4.1.5 การอภิปรายผลการวิจัย (Discussion) 4.1.6 ข้อเสนอแนะจากการวิจัย (Suggestion) 4.2 บทความวิชาการ ควรมีการกำหนดประเด็นที่ต้องการอธิบายหรือวิเคราะห์อย่างชัดเจน โดยมีการวิเคราะห์ประเด็นที่ต้องการนำเสนอตามหลักวิชาการโดยมีการสารวจวรรณกรรมเพื่อสนับสนุนจนสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ประเด็นนั้นได้ อาจเป็นการนำความรู้จากแหล่งต่างๆ มาประมวลร้อยเรียงเพื่อวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ โดยที่ผู้ส่งบทความแสดงทัศนะทางวิชาการของตนไว้อย่างชัดเจน มีลำดับเนื้อหาและบทสรุปที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ชัดเจน (ดาวน์โหลด ) 4.3 บทความภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ มีความยาว 12 - 15 หน้ากระดาษขนาด เอ 4 อาจมีภาพ ตาราง แผนภูมิประกอบได้ โดยมีทั้งหมดนี้รวมอยู่ในข้อจํากัดจํานวนไม่เกิน 15 หน้า 5. เอกสารอ้างอิงแบบ APA เนื้อหาเอกสารอ้างอิง มีดังนี้ ภาษาอังกฤษ ให้ใส่ทุกรายการของเอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาอังกฤษและทุกรายการของเอกสารอ้างอิงภาษาไทยที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ เติมคำว่า “[in Thai]” ต่อท้ายทุกรายการอ้างอิงภาษาไทยที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ และเรียงลำดับรายการอ้างอิงส่วนภาษาอังกฤษทุกรายการตามลำดับตัวอักษร 6. แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจสอบการคัดลอกผลงานทางวิชาการ การกำหนดดัชนีความคล้าย (Similarity Index) โดยใช้โปรแกรมตรวจสอบการคัดลอกที่มหาวิทยาลัยรับรอง กำหนดดัชนีความคล้าย (Similarity Index) มีค่ารวมเฉลี่ยไม่เกินร้อยละ 15 โดยที่ส่วนของบทคัดย่อ มีค่าไม่เกินไม่เกินร้อยละ 10 วิธีดำเนินการวิจัย มีค่าไม่เกินไม่เกินร้อยละ 20 และอภิปรายผล มีค่าไม่เกินไม่เกินร้อยละ 15 ขั้นตอนการตรวจสอบการคัดลอกผลงานทางวิชาการ (1) ผู้นิพนธ์ต้องแนบหลักฐานแสดงผลการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของบทความ ตามแบบเอกสารที่วารสารกำหนด ประกอบการยื่นส่งบทความเข้ารับการประเมินคุณภาพ (2) ผู้นิพนธ์ต้องแนบหลักฐานแสดงผลการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของบทความ ตามแบบเอกสารที่วารสารกำหนด ประกอบการยื่นส่งบทความปรับแก้ไขเข้ารับการตรวจสอบ
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารศึกษาศาสตร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ