การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่ การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่ 2) เพื่อสร้างหน่วยการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ในการส่งเสริมการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่ 3) เพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ในการส่งเสริมการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่ กลุ่มเป้าหมาย คือ 1) กลุ่มผู้รู้ คือ ผู้นำศาสนา ผู้อาวุโส หมอชาวบ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน 2) กลุ่มผู้ปฏิบัติ คือ เด็กปฐมวัยเผ่าลาหู่ ที่กำลังเรียนชั้นอนุบาล 2 จำนวน 14 คน และผู้ปกครองเด็กปฐมวัยเผ่าลาหู่ จำนวน 14 คน 3) กลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั่วไป คือ แพทย์ พยาบาล สาธารณสุข เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกตและการสัมภาษณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยมีส่วนร่วม 2) หน่วยการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม 3) แบบสังเกตการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัย วิเคราะห์ข้อมูลจากการใช้แบบสัมภาษณ์โดยพรรณนาวิเคราะห์ ข้อมูลที่ได้จากการใช้แบบสังเกตวิเคราะห์ โดยการหาค่าเฉลี่ย ผลการวิจัย พบว่า
1. การปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่ สรุปได้ว่า มีวัฒนธรรมและประเพณีที่สืบทอดมา วิถีของสังคมต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่กับวิถีชีวิต ปัจจุบันความเชื่อนั้นค่อยลดน้อยลง แต่หมอยาชาวบ้านนั้นก็ยังเป็นที่นิยมในชุมชนเป็นอย่างมาก โดยจะใช้คาถาและยาสมุนไพรในการรักษาโรค หากไม่หายถึงจะใช้ยาแผนปัจจุบันและพาไปพบแพทย์ ชุมชนก็ยังอยู่แบบพึ่งพาธรรมชาติผสมผสานกับภูมิปัญญาชาวบ้าน การดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองนั้นเป็นแบบตามวิถีธรรมชาติ การป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร ปัญหาที่พบเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัย มักเกิดจากการที่ผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลเด็ก ชาวบ้านบางคนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการรักษาสุขภาพอนามัยของตัวเองและของลูกหลาน ยังใช้วิธีการแบบเดิมๆ ที่ปฏิบัติสืบกันมา
2. ได้หน่วยการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่ 5 หน่วย หน่วยละ 5 แผน รวม 25 แผน ใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้ 5 สัปดาห์ ได้แก่ 1) รับประทานอาหาร 2) นอนหลับพักผ่อน 3) ขับถ่าย 4) รักษาความสะอาด และ 5) ป้องกันโรคและอุบัติเหตุ โดยเน้นให้ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน แพทย์ พยาบาล สาธารณะสุข เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่เด็กปฐมวัย ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ด้านการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนได้ตามวัตถุประสงค์
3. ผลการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัยของเด็กปฐมวัยลาหู่ พบว่า เด็กปฐมวัยลาหู่ โดยภาพรวมมีการปฏิบัติตนด้านสุขภาพอนามัย อยู่ในระดับปฏิบัติบ่อยครั้ง
Article Details
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารศึกษาศาสตร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
Ban Huai Khok Mu School. (2011). Early childhood education standards for internal quality assurance. Chiang Mai: Banhuaikhokcmoo School. [in Thai]
Chansawang, P. (2013). Health and safety for young children. Retrieved July 9, 2014, from http://taamkru.com [in Thai]
Dejsawas, P. (2009). Participation for student’s guardian and community of the school management in Ban Sathan School, Phu Sang District, Phayao Province (Independent study). Chiang Rai: Chiang Rai Rajabhat University. [in Thai]
Lekyim, J. (2010). A study of the role of parents in promoting health for Kindergarteners in Sailom School (Master thesis). Bangkok: Chulalongkorn University. [in Thai]
Ministry of Education. (2010). National Education Act B.E. 2542 (1999) and Amendments (Second National Education Act B.E. 2545 (2002). Bangkok: Organizational Printing Shipping and Packing (ECD). [in Thai]
Promrit, W. (2007). Parental participation of students for Pratomsuksa in health promoting school operation Phrom Khiri District, Nakhon Si Thammarat Province (Master thesis). Nonthaburi: Sukhothai Thammathirat Open University. [in Thai]
Sengsri, T. (2013). Participatory development of activity project sets for undergraduate teacher students in education program. Journal of Education Naresuan University, 15(4), 129-141. [in Thai]
Singthon, L., & et al. (2005). A study of Lahu-na's life style of the local curriculum for teaching and learning in Bang Khob Dong School, Chiang Mai Province. Chiang Mai: Bang Khob Dong School. [in Thai]
Sunthonsanthun, S. (2009). Cooperative model of house, temple, school, and community for children and youth in Bangkok Metropolitan Area (Doctor dissertation). Maha Sarakrm: Mahasarakrm University. [in Thai]
Tansiri, W. (1999). Description of the National Education Act B.E. 1999. Bangkok: Saithan. [in Thai]