การจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียนกับการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ สำหรับผู้เรียนกลุ่มเจเนอเรชัน Z LEARNING MANAGEMENT WITH ACTIVE LEARNING IN THE COURSE OF ENGLISH FOR STUDY SKILLS FOR GENERATION Z STUDENTS

Main Article Content

รัตนา กลิ่นจุ้ย
วาสนา จักรแก้ว

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) ตามแนวคิดเจเนอเรชันในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียน 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนก่อนและหลังจากที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติตามแนวคิดเจเนอเรชันในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียน และ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติตามแนวคิดเจเนอเรชันในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียน กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เรียนที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง ลำปาง จำนวน 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสำรวจความต้องการของผู้เรียนด้านกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษแบบลงมือปฏิบัติตามแนวคิดเจเนอเรชัน 2) แบบประเมินพฤติกรรมตนเองของผู้เรียนตามแนวคิดเจเนอเรชัน (Check-list) 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ ก่อน-หลัง การจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติตามแนวคิดเจเนอเรชัน 4) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติตามแนวคิดเจเนอเรชัน วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติบรรยายด้วยค่าเฉลี่ยและค่าร้อยละ ผลการวิจัย พบว่า ผู้เรียนมีความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติตามแนวคิดเจเนอเรชันในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียน อยู่ในระดับมาก (gif.latex?x\bar{}= 3.96, SD = 0.50) และเมื่อวิเคราะห์เป็นรายข้อ พบว่า ผู้เรียนมีความต้องการด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ ตามแนวคิดเจเนอเรชันในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียน มากที่สุดสามอันดับแรก คือ การระดมพลังสมอง (Brainstorming) เพื่อให้ผู้เรียนได้ร่วมกันคิด อภิปรายและนำเสนองานร่วมกัน (gif.latex?x\bar{}= 4.26, SD = 0.68) รองลงมา คือ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้สอนและผู้เรียนเพื่อเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน (gif.latex?x\bar{}= 4.23, SD = 0.56) ตามมาด้วย การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media) เป็นสื่อการสอนเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ (gif.latex?x\bar{}= 4.10, SD = 0.79) จากการศึกษาการประเมินพฤติกรรมตนเองของผู้เรียนในกลุ่มเจเนอเรชัน Z พบว่า ผู้เรียนทุกคนค้นหาข้อมูลข่าวสารที่ต้องการทราบจากแหล่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ร้อยละ 100 รองลงมา คือ ผู้เรียนใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ร้อยละ 96.77 ตามมาด้วย ผู้เรียนต้องการให้อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้ออกแบบกิจกรรมเพื่อทบทวนเนื้อหาในบทเรียน เช่น การทำกิจกรรมหรือการเล่นเกมต่างๆ ร้อยละ 93.55 และผู้เรียนต้องการมีส่วนร่วมในห้องในการออกความคิดเห็นหรือแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนและอาจารย์ผู้สอน ร้อยละ 93.55 อีกทั้งผู้เรียนคิดว่าตนเองมีความสามารถในการเรียนรู้ศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง ร้อยละ 93.55 จากการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติของผู้เรียนในกลุ่มเจเนอเรชัน Z พบว่า ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนภาพรวมอยู่ในค่าระดับคะแนนตก และมีผลสัมฤทธิ์ภาพรวมหลังเรียนอยู่ในค่าระดับคะแนนดีพอใช้ ซึ่งผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน โดยคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 40.03 และคะแนนเฉลี่ยหลังการเรียนมีค่าเท่ากับ 72.19 มีผลสัมฤทธิ์ของค่าคะแนนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 32.16 ในด้านความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติตามแนวคิดเจเนอเรชันในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียน พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (gif.latex?x\bar{}= 4.02, SD = 0.51)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
กลิ่นจุ้ย ร., & จักรแก้ว ว. . (2018). การจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษเพื่อทักษะการเรียนกับการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ สำหรับผู้เรียนกลุ่มเจเนอเรชัน Z: LEARNING MANAGEMENT WITH ACTIVE LEARNING IN THE COURSE OF ENGLISH FOR STUDY SKILLS FOR GENERATION Z STUDENTS. Journal of Education and Innovation, 22(4), 199–214. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/edujournal_nu/article/view/118577
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Barcelon, B. (2010). The-life-of-generation-z. Retrieved April 1, 2013, from http://teenlife.blogs.pressdemocrat.com/10220/the-life-of-generation-z/

Chaisaengprateep, N. (2015). the study of learning by doing in tmt423 research methodology in tourism industry. Retrieved from https://www.spu.ac.th/tlc/files/2015/12/nattapong-ch.pdf [in Thai]

Dewey, J. (1963). Experience and education. The Kappa Delta Pi Lecture Series. New York: Macmillan.

Green, C. S., & Bavelier, D. (2003). Action video game modifies visual selective attention. Nature, 423, 534-537.

Ministry of Education. (2010). Core Curriculum for Basic Education (A.D. 2008). Bangkok: Agricultural Cooperative Federation of Thailand. [in Thai]

Oxford, R. L., & Lavine, R. Z. (1992). Teacher-student "style wars" in the language classroom: Research insights and suggestions. ADFL Bulletin, 23(3), 38-45.

Phuworawan, Y. (2016). Instructional management in digital context. Retrieved January 7, 2016, from http://eco.ku.ac.th/2559/01/Effectivelearning&TeachingForKU.pdf [in Thai]

Reid, J. M. (1987). The learning style preferences of ESL students. TESOL Quarterly, 21, 87-111.

Ruangsuwan, C. (2009). Active learning. Retrieved July 25, 2009, from http://www.drchaiyot.com [in Thai]

Siripatthada, Y. (2010). Development of learning behaviors and learning achievement of students in learning marketing principles. Retrieved from http://ssruir.ssru.ac.th/handle/ssruir/933 [in Thai]

Sukvijit, P. B. (2017). Active learning management for teaching and learning community of English learning. Retrieved June 19, 2017, from https://kmtlcspu.com/2017/06/19/activelearningla/ [in Thai]

Thomas, J. O., & Earl, S. W. (1995). Why satisfied customer defect. Harvard Business Review, 73(6), 89-99.