รูปแบบการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในเขตเมือง AN ADMINISTRATIONAL MODEL FOR SCHOOL ADMINISTRATORS IN PRIMARY SCHOOLS HAVING URBAN REFUGEE AND ASYLUM SEEKER STUDENTS
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในเขตเมือง วิธีดำเนินการวิจัยมี 3 ขั้นตอน คือ 1) การศึกษาสภาพการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในเขตเมือง ด้วยการสังเคราะห์เอกสารที่เกี่ยวข้องและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน 2) การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในเขตเมือง โดยนำข้อมูลจากขั้นตอนที่ 1 มาสร้างเป็นแบบสอบถามกับผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างาน 4 ฝ่าย และครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมจำนวน 486 คน และนำมาวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน เพื่อใช้พัฒนาเป็นรูปแบบ และ 3) การประเมินและรับรองรูปแบบการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในเขตเมือง โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ 17 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน การวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและการสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย ผลการวิจัย พบว่า
1. การบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในเขตเมือง ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และผลผลิต โดยมีสภาพการบริหารจัดการศึกษาด้านเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนใช้แนวทางจากส่วนกลาง ส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกับเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ภาษา และวิถีชีวิตของเด็ก
2. รูปแบบการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในเขตเมือง มีองค์ประกอบหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1) ปัจจัยนำเข้า มี 7 องค์ประกอบย่อย คือ 1.1) บุคลากรของสถานศึกษาและผู้ปกครอง 1.2) การบริหารงานทั่วไป 1.3) การบริหารงานงบประมาณ 1.4) การบริหารงานวิชาการ 1.5) พันธกิจและนโยบายของรัฐ 1.6) การบริหารงานบุคคล และ1.7) สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของสถานศึกษา 2) กระบวนการ มี 6 องค์ประกอบย่อย คือ 2.1) การจัดการศึกษาพหุวัฒนธรรม 2.2) การคาดหวังต่อนักเรียนสูง 2.3) การจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนที่เข้มแข็ง 2.4) การเสริมแรงและจูงใจ 2.5) การใช้หลักธรรมในการบริหารสถานศึกษา (พรหมวิหาร 4) และ 2.6) การสั่งการและควบคุม และ 3) ผลผลิต มี 3 องค์ประกอบย่อย คือ 3.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน 3.2) ประสิทธิภาพของการบริหารสถานศึกษา และ 3.3) คุณลักษณะและสมรรถนะของผู้เรียน
3. ผลการประเมินและรับรองรูปแบบเชิงระบบที่พัฒนาขึ้น มีความถูกต้อง ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ ผ่านเกณฑ์ในระดับมากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นอันรับรองรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ
Article Details
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารศึกษาศาสตร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
EFQM. (2010). The European Foundation for Quality Management Excellence Model. Retrieved October 9, 2010, from http://www.efqm.org/en/
Esteghamati, A., Zandieh, A, Khalilzadeh, O., Meysamie, A., & Ashraf, H. (2010). Clustering of metabolic syndrome components in a Middle Eastern diabetic and non-diabetic population. Diabetology & metabolic syndrome, 2(1), 1-8.
Gall, M. D., Borg, W. R., & Gall, J. P. (1996). Educational research: An introduction (6th ed.). New York: Longman Publishing.
Glickman, C. D., Gordon, S. P., & Ross-Gordon, J. M. (2001). Supervision and instructional leadership a developmental approach (5th ed). U.S.A.: Allyn and Bacon.
Intragumhaeng, P. (2001). A model of alternative education for disadvantaged children on highlands in the Upper North of Thailand. Journal of OBEC ministry of Education, 4(11), 34. [in Thai]
Office of the Basic Education Commission. (2007). Guidelines of decentralization of administrative and educational administration for the committee of educational service area office and schools in accordance with the ministerial regulations prescribing rules and methods of decentralization of educational administration and management. Bangkok: The Agricultural Cooperative Federation of Thailand. [in Thai]
Office of the Permanent Secretary, Ministry of Education. (2017). Handbook and guideline of educational management for persons who do not have a civil registration and non-Thai nationals (new revised edition 2017). Bangkok: Office of the Welfare Promotion Commission for Teachers and Educational Personnel Printing. [in Thai]
Sammons, P., Hillman, J., & Mortimore, P. (1995). Key Characteristics of effective schools: A review of school effectiveness research. London: Institute of Education, University of London.
Sanrattana, W. (2001). Comparison of principles of research, administration, and development for application. Journal of Education Khon Kaen University, 25(1), 8-15. [in Thai]
State of Victoria (Department of Education and Training). (2002). Knowledge and skills building a future. Retrieved from http://www.sofweb.vic.edu.au/blueprint/esdefault.asp
Sukthawee, A. (2010). Administrative factors and administrative behaviors regarding grade span configuration in secondary schools and educational expansion schools (Doctoral dissertation). Bangkok: Kasetsart University. [in Thai]
Suwannasuan, W., Chaiyakit, M., Markshoe, P., & Thamrongsotthisakul, W. (2013). A model of Alternative Education for Disadvantaged Children on Highlands in the Upper North of Thailand. Journal of Education Naresuan university, 15(Special), 182-192. [in Thai]
Vungsriphisal, P. (2010). A Development of educational model and guidelines for immigrant student case study: Mae Sot district, Tak province (Research report). Bangkok: Office of the Education Council Ministry of Education. [in Thai]
Yongyuan, B. (2010). A development of multicultural education model in elementary school. Bangkok: Office of the National Culture Commission Ministry of Culture. [in Thai]
