การพัฒนาเครื่องมือวัดทักษะการทำงานที่หลากหลายของครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยคือ 1) เพื่อพัฒนาเครื่องมือวัดทักษะการทำงานที่หลากหลายของครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย และ 2) เพื่อตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวัดทักษะการทำงานที่หลากหลายของครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย ตัวอย่างวิจัยคือ ครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจาก 6 ภูมิภาคของประเทศไทย จำนวน 576 คน ได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เครื่องมือวัดทักษะการทำงานที่หลากหลายของครู มีลักษณะเป็นมาตรประมาณค่า 5 ระดับ (จำนวน 23 ข้อ) ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวัด ได้แก่ ความตรงเชิงเนื้อหา อำนาจจำแนก ความตรงเชิงโครงสร้างด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และความเที่ยง ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. เครื่องมือวัดทักษะการทำงานที่หลากหลายของครูมีลักษณะเป็นมาตรประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ จำนวน 24 ข้อ ได้แก่ 1) ทักษะการบริหารจัดการเวลา จำนวน 9 ข้อ 2) ทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จำนวน 7 ข้อ และ 3) ทักษะทางสังคม จำนวน 8 ข้อ
2. ผลการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวัดทักษะการทำงานที่หลากหลายของครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย พบว่า เครื่องมือวัดมีความตรงเชิงเนื้อหาจากการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ (IOC = .60 - 1.00) มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง .465 - .753 มีค่าความเที่ยงเท่ากับ .911 มีความตรงเชิงโครงสร้างจากการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างโมเดลกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (ไค-สแควร์(180, N = 576) = 210.131, p = .062, CFI = .996, TLI = .993, RMSEA = .017, SRMR = .025) ค่าน้ำหนักองค์ประกอบมีค่า .081 ถึง .836 และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทุกตัว แสดงว่า โมเดลการวัดทักษะการทำงานที่หลากหลายของครูมีความตรงเชิงโครงสร้าง และสัดส่วนความแปรปรวนที่อธิบายได้ด้วยองค์ประกอบแต่ละตัวร้อยละ 77.70 ถึง 84.40
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารศึกษาศาสตร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
Brante, G. (2009). Multitasking and synchronous work: Complexities in teacher work. Teaching and Teacher Education, 25(3), 430-436.
Buser, T., & Peter, N. (2012), Multitasking, Experimental Economics.
Goffin, R. D. (2007). Assessing the adequacy of structural equation model: Golden rules and editorial policy. Personality and Individual Differences, 42, 831-839.
Gökel, Ö., & Dağli, G. (2017). Effects of social skill training program on social skills of young people. Eurasia Journal of Mathematics, Science and Technology Education, 13(11), 7365-7373.
Hair, J. F., Anderson, R. E., Babin, B. J., & Black, W. C. (2010). Multivariate data analysis: A global perspective. Upper Saddle River, NJ: Pearson.
Kelloway, E. K. (2015). Using Mplus for structural equation modeling; A researcher’s guide. CA: Sage Publications.
Kubheka, P. P. (2018). Analyzing the preparedness of Office Management & Technology graduates for multitasking in the workplace (Doctoral dissertation). South Africa: Durban University of Technology.
Nadinloyi, K. B., Hajloo, N., Garamaleki, N. S., & Sadeghi, H. (2013). The study efficacy of time management training on increase academic time management of students. Social and Behavioral Sciences, 84(1), 134-138.
Sahler, O. J. Z., Askins, M. A., Dolgin, M. J., & Phipps, S. (2017). Problem-solving skills training for everyday living. Retrieved from http://www.healthpolicyinstitute.pitt.edu.pdf
Schumacker, R. E., & Lomax, R. G., (2010). A beginner’s guide to structural equation modeling (3rd ed.). New Jersey: Lawrence Erlbaum Associates.
Steiger, J. H. (2007). Understanding the limitation of global fit assessment in structural equation modeling. Personality and Individual Differences, 42, 893-898.