การยกระดับแรงยึดเหนี่ยวทางสังคมในสังคมสูงวัยด้วยหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม เรื่อง การบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมอย่างมีคุณภาพ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม 2) สร้างหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม 3) ทดลองใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม โดยการเปรียบเทียบแรงยึดเหนี่ยวทางสังคม 4) ประเมินหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม ดำเนินการโดยการวิจัยและพัฒนา 4 ระยะ คือ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็น โดยสังเคราะห์เอกสาร สัมภาษณ์ผู้รู้ด้านหลักสูตร วัฒนธรรมและผู้สูงอายุ 30 คน ยืนยันข้อมูลด้วยการสนทนากลุ่มกับผู้ทรงคุณวุฒิ 10 คน 2) จัดทำหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม และประเมินคุณภาพหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมกับครู 18 คน 3) ทดลองใช้กับนักเรียน 30 คน แบบ One Group Pre- Posttest Design และสัมภาษณ์ผู้ปกครอง จำนวน 21 คน และ 4) ประเมินหลักสูตรกับครู ผู้ปกครองและนักเรียน 34 คน วิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบแรงยึดเหนี่ยวทางสังคมด้วย t-test แบบ Dependent พบว่า 1) หลักสูตรจำเป็นมากที่สุด เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและเน้นการปฏิบัติ 2) หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม ประกอบด้วย หลักการ จุดมุ่งหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โครงสร้าง คำอธิบายรายวิชา ผลการเรียนรู้ ขอบข่ายเนื้อหา เวลาเรียน แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เนื้อหาประกอบด้วย 1) สมาชิกในครอบครัวและบทบาทหน้าที่ของบุตรที่มีต่อบิดา มารดา ผู้ปกครอง และญาติ 2) การดูแลสมาชิกในครอบครัว ประกอบด้วย การเหยียบ การล้างและแช่เท้าด้วยสมุนไพร 3) การช่วยเหลืองานในหน้าที่ ประกอบด้วย การจัดเก็บเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย การกวาดถูบ้าน การช่วยยก จัดเก็บอาหารจาน ชาม และ 4) การประพฤติตน ให้เหมาะสม แนวการจัดกิจกรรมเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยครูร่วมกับผู้เรียนค้นคว้าหาความรู้และสร้างองค์ความรู้ การปฏิบัติจริงในครอบครัว มีสื่อ/แหล่งเรียนรู้ คือ 1) ใบความรู้ 2) ใบกิจกรรม 3) รูปภาพ 4) อินเทอร์เน็ต 5) บ้าน/ครอบครัวตนเอง ใช้วิธีการวัดและประเมินผล ดังนี้ 1) ด้านความรู้ ใช้แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน ตรวจใบกิจกรรม 2) ด้านทักษะกระบวนการ ใช้การสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงาน การบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติงาน และผลการประเมินคุณภาพหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม มีความเหมาะสมในระดับมาก 3) นักเรียนมีแรงยึดเหนี่ยวทางสังคมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 4) การประเมินหลักสูตรด้านบริบท ด้านปัจจัยป้อน ด้านกระบวนการและด้านผลผลิตอยู่ระดับมากที่สุด
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารศึกษาศาสตร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
Department of Women's Affairs and Family Development. (2010). Survey of women's rights violations in Thailand. Retrieved April 11, 2022, from https://www.m-society.go.th/ewtadmin/ewt/mso_web/article_attach/127.81/17037.pdf
Kaewdonhan, A. (2019). Curriculum development of additional courses. magic worm Mathematics learning group Grade 1 by learning management based on the concept of STEM education (Master thesis). Khon Kaen: Khon Kaen University.
Kullachart, J. (2014). The development of selective courses curriculum, on the topic of invention from recycled materials to promote the creative thinking of students in Pratomsuksa 6 (Master thesis). Maha Sarakham: Mahasarakham University.
Larsudta, S. (2015). The Additional Curriculum of Career and Technology Learning Strand on Cloth Products of Local Invention for Matthayomsueksa 2 (Master thesis). Maha Sarakham: Mahasarakham University.
Ministry of Education. (2017). Basic Education Curriculum, B.E. 2560 and amended (2nd edition), B.E. 2560. Bangkok: Freight and Parcel Organization (R.S.P.).
National Statistical Office. (2018). The health care behavior of the Thai population is increasing using information from Health and Welfare Survey. Bangkok: National Statistical Office.
Paffenholz, T. (2010). Civil society & peace building: A critical assessment. Boulder: Lynne Rienner Publishers.
Pitikultang, S. (2020). The 9th National Conference on Family Health on “Thai Family in Social Transition”. Retrieved May 8, 2020, from https://iptv.mahidol.ac.th/topic/79324
Pothisita, C. (2009). Science and Art of Quality Research amended (2nd ed.). Bangkok: Amarin Printing and Printing.
Sangkhasila, T. (2016). The development of additional course of work-oriented experience and technology career to enhance ability for creative thing on problem solving for the grade 6 students (Doctoral dissertation). Maha Sarakham: Mahasarakham University.
Sancharoen, P. (2018). The development of a supplementary course in the learning area of occupations and technology entitled “Kanom Jeen Pang Mug” for grade 5th students at Pong Sa Tue School (Master thesis). Phitsanulok: Pibulsongkram Rajabhat University.
Siriwannabut, P. (2013). Developmental psychology theory. Bangkok: Chulalongkorn University Press.
Stufflebeam, D. L. (1971). Educational evaluation and decision making. Illionis: F.E. Peacock Publishers.
Wechwithan, P. (2014). An introduction to family theories. Bangkok: Printmaking.
Wonganannon, P. (2014). Excessive internet usage behavioral in adolescents. Journal of Royal Thai Army Nursing, 15(2), 173-178.
Worasiangsuk, J. (2016). Classical sociological theory. Bangkok: M&M Laser Print.
Wongrattana, C. (2008). Experimental research patterns and analytical statistics: Basic concepts and methods. Bangkok: Srinakharinwirot University.
