การพัฒนาสื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักศึกษาครู
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาสื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และมีประสิทธิผลสูงกว่าเกณฑ์ 0.50 2) เพื่อศึกษาผลการใช้สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักศึกษาครู และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาครูที่มีต่อการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยใช้สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิล กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาครูคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จำนวน 2 กลุ่ม ที่ลงทะเบียนในรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย จากนั้นสุ่มจำแนกกลุ่มเพื่อกำหนดเป็นกลุ่มทดลอง จำนวน 30 คน และกลุ่มควบคุม จำนวน 29 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลที่พัฒนาขึ้น 2) แผนการจัดการเรียนรู้การสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยใช้
สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิล จำนวน 12 แผน 3) แผนการจัดการเรียนรู้การสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแบบปกติ จำนวน 12 แผน 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาครูที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยใช้สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าประสิทธิภาพ ดัชนีประสิทธิผล ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ การทดสอบค่าที และขนาดอิทธิพล ผลการวิจัย พบว่า
1. สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 91.75/83.56 และมีดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.73 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักศึกษาครูที่ได้รับการสอนโดยใช้สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลสูงกว่านักศึกษาครูที่ได้รับการสอนด้วยวิธีสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้วยขนาดอิทธิพลที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด (Cohen’s d = 1.83) และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษหลังเรียนของนักศึกษาครูที่สอนโดยใช้สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักศึกษาครูพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยใช้สื่ออินโฟกราฟิกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกูเกิลอยู่ในระดับมากที่สุด (M = 4.56, SD = 0.02)
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารศึกษาศาสตร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
Bowen, D. J. (1985). TESOL techniques and procedures. Rowley: Newbury House Publishers.
Brahmawong, C. (2013). Developmental testing of media and instructional package. Silpakorn educational research journal, 5(1), 7-20.
Brown, H. D. (2000). Principles of language learning and teaching. New York: Addison Wesley Longman.
Celce-Murcia, M., & Hilles, S. (1998). Techniques and resources in teaching grammar. Oxford: Oxford University Press.
EF Education First. (2022). CEFR and EF SET. Retrieved August 18, 2022, from https://www.efset.org/th/cefr
Faculty of Education, Suratthani Rajabhat University. (2022). Self-assessment report: SAR. Surat Thani: Faculty of Education, Suratthani Rajabhat University.
Google LLC. (2020). Products that drive education. Retrieved November 25, 2022, from https://edu.google.com
Jamjuree, D. (2020). Learning design for Gen Z learners. Bangkok: Graduate School, Srinakharinwirot University.
Kitrakarn, P. (2011). Research and education technology theory. Mahasarakham: Faculty of Education, Mahasarakham University.
Leavy, P. (2017). Research design: Quantitative, qualitative, mixed methods, arts-based, and community-based participatory research approaches. New York: The Guildford Press.
Lertbumroongchai, K. (2021). Hybrid learning. Retrieved December 20, 2022, from https://touchpoint.in.th/hybrid-learning
Milner, M., & Jenkins, R. (2015). World English 1. Boston: Cengage Learning.
Newsom, D., & Haynes, J. (2004). Public relations writing: Form and style. California: Wadsworth Publishing.
Oxford University Press. (2022). Oxford placement test. Retrieved August 18, 2022, from https://elt.oup.com/feature/global/oxford-online-placement/?cc=th&selLanguage=th
Phengsawat, W. (2009). Research and development. Sakon Nakhon Rajabhat University Journal, 1(2), 2-12.
Poovorawan, Y. (2020). Effects of COVID-19 pandemic on education. Retrieved December 24, 2022, from https://learningcovid.ku.ac.th/course/?c=7&l=4
Reiser, R. A., & Dempsey, J. V. (2018). Trends and issues in instructional design and technology. New York: Pearson Education.
Shinawatra, C. (2019). Prototyping. Retrieved December 21, 2022, from https://slideplayer.in.th/slide/16175027
Smiciklas, M. (2012). The power of infographics: Using pictures to communicate and connect with your audience. Indiana: Que Publishing.
SpyreStudios. (2013). The anatomy of an infographic: 5 steps to create a powerful visual. Retrieved November 29, 2022, from http://www.pearltrees.com/iwona.h./infographics/id7596374#item76090631
Suratthani Rajabhat University. (2017). General education Suratthani Rajabhat University 2017 revised edition. Surat Thani: Suratthani Rajabhat University.
Suratthani Rajabhat University. (2019). Internal quality assurance manual Suratthani Rajabhat University 2019. Surat Thani: Suratthani Rajabhat University.
Sysoyev, P. (1999). Principles of teaching English for specific purposes in Russia. English for specific purposes - Russia, 11, 13-15.
Thalheimer, W., & Cook, S., (2002). How to calculate effect sizes from published research: A simplified methodology. Work-learning research, 1-9.
