การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่ สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) ศึกษาจิตรู้เคารพของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่ 3) ศึกษาทักษะชีวิตด้านการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่ และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน จำนวน 5 คน และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีหลังสมัยใหม่ แบบวัดจิตรู้เคารพ แบบประเมินทักษะชีวิตด้านการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า 1) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ของกิจกรรม ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง โครงสร้างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการวัดประเมินผล โดยภาพรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับดี ส่วนแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 12 แผน มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก 2) หลังเรียนด้วยกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่นักเรียนมีจิตรู้เคารพอยู่ในระดับมากที่สุด 3) หลังเรียนด้วยกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพศวิถีศึกษาหลังสมัยใหม่นักเรียนมีทักษะชีวิตด้านการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นอยู่ในระดับมากที่สุด และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมอยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เจ้าของบทความมิได้คัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าวิธีใด หรือการฟ้องร้องไม่ว่ากรณีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ กองบรรณาธิการวารสารศึกษาศาสตร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ให้เป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความที่จะดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
Boonyanusit, K. (2011). Development of instructional model for enhancing respectful mind and ethical mind based on teaching and learning via service learning for undergraduate students (Doctoral dissertation). Srinakharinwirot University.
Boonying, V. (2014). Thinking school. Journal of Education and Innovation, 16(1), 180-183.
Buatong, T., & Lukharang, W. (2018). Bully: A terrible experience in a transgender classroom. Retrieved November 7, 2020, from https://www.bbc.com/thai/features-46107153
Bureau of Academic Affairs and Educational Standards. (2010). Guidelines for organizing student development activities according to the core curriculum Basic Education, 2008 (2nd ed.). Bangkok: The Agricultural Co-operative Federation of Thailand.
Gardner, H. (2006). Five minds for the future. Boston: Harvard Business School Press.
Office of the Basic Education Commission. (2008). development of life skills in the Basic Education System. Ministry of Education.
Office of the Basic Education Commission. (2011). Guidelines for developing life skills Teaching Integration 8 Basic Education Core Curriculum, 2008. Bangkok: The Agricultural Co-operative Federation of Thailand.
Office of the Royal Society. (2021). Dictionary of education Royal Society edition (2nd ed.). Bangkok: Office of the Royal Society.
Panyabhu, N. (2020). Development learner development activities to promote the cross-cultural understanding of grade 4-6 students at Bannonglom School, Phayao Province (Master thesis). Chiang Mai: Chiang Mai University.
Rujicheep, P., Wongnaya, S., Pongpinya-opas, S., & Kannil, S. (2016). Strategies for develop life skills of the student in the schools under the Office of Kamphaengphet Elementary Education Area 1 and Area 2. Journal of Education and Innovation, 18(2), 131-141.
Sungkhao, P. (2008). The satisfaction of students who used the library services at Sripatum University (Master thesis). Bangkok: Phranakhon Rajabhat University.
Tyler, R. W. (1970). Basic principle of curriculum and Instruction. Chicaco: The University of Chicago Press.
