การศึกษารูปแบบการสอนเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพื่อศึกษารูปแบบการสอนเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม 2) เพื่อสร้างรูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม และ 3) เพื่อเปรียบเทียบการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม ขั้นตอนการวิจัย 1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์รูปแบบการสอนและเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ การทดลองใช้รูปแบบการสอนเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรมกับนักศึกษาระดับชั้นอนุปริญญาตรี สาขาเทคนิคการผลิต โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 15 คน รวม 30 คน วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเปรียบเทียบ 2 กลุ่มตัวอย่าง
ผลการวิจัย พบว่า 1)องค์ประกอบที่เหมาะสมของรูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม มีทั้งหมด 9 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ที่มาของรูปแบบ 2.หลักการของรูปแบบ 3.วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 4.หน่วยการเรียนรู้ 5.กิจกรรมการเรียนการสอน 6.ขั้นตอนการประเมินด้านความรู้ 7.ขั้นตอนการประเมินด้านความทักษะ 8.ขั้นตอนการประเมินด้านเจตคติและคุณลักษณะ 9.สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ 2) ผลการประเมินรูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด (=4.66 , S.D.= 0.59) ผลประเมินคู่มือการสอนและเอกสารประกอบสอนเที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวม (
=4.66 , S.D.=0.59) มากที่สุด 3) ผลการเปรียบเทียบการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรมกับการเรียนการสอนแบบปกติ รูปแบบการสอนที่ส่งเสิรมสมรรถนะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงการเรียนแบบปกติ (
=74.40 , S.D.= 2.028) 4) พึงพอใจของการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม โดยรวม
= 4.84 , S.D. = 0.40 มีความพึงพอใจมากที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
OECD. (2021). Future of jobs report 2021. Organization for Economic Co-operation and Development.
Brown, T. (2019). Experiential learning in vocational education: Pathways to workforce readiness. Journal of Applied Learning, 12(2), 45–58.
จีรศักดิ์ หมุนขำ.(2560). การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมฐานสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมสำหรับครูผู้ช่วยในสถานศึกษา.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน. (2565). มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ. กระทรวงแรงงาน.
Wang, X., & Su, Y. (2013). The effects of a competency-based learning environment on the development of student skills in vocational education. International Journal of Educational Research, 61(1), 79–85.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (2567). นโยบายการพัฒนาอาชีวศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
สุนทรไผท จันทระ. (2567). การพัฒนาประสิทธิผลหลักสูตรอาชีวศึกษาเพื่อท้องถิ่น.วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา, 8(2),1-11.
ธชณัฐ ผ่องโต. (2568) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดฝึกรายวิชาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวงจร เรื่องอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำโดยใช้กระบวนการสอนแบบ MIAP วารสารวิชาการอาชีวศึกษา, 7(3), 109-125.
Kolb, D. A. (1984). Experiential learning: Experience as the source of learning and development (2nd ed.). Prentice-Hall.
Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion referenced test item validity. Dutch Journal of Educational Research, 2(2), 49–60.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (2558). การวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถนะด้านการปฏิบัติงานหน้าที่เฉพาะสาขาสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม, 12(2),1-4.
สุวัทนา สงวนรัตน์ และชวน ภารังกูล. (2564) หลักสูตรการเรียนการสอนฐานสมรรถนะในสถานศึกษา. วารสารสิรินธรปริทรรศน์ล, 22(2),95-106.
ปัญญาภรณ์ ทรงฤทธิ์. (2563). การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษากลุ่มที่เรียนการสอนแบบมีส่วนร่วมกับกลุ่มที่เรียนแบบปกติ. วารสารวิชาการอาชีวศึกษา, 8(3),201-213.