แนวทางการกำหนดรู้เวทนาในเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาเวทนาในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อศึกษาหลักธรรมที่ส่งเสริมเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการกำหนดรู้เวทนาในเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบวิจัยเอกสาร โดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท สรุปวิเคราะห์ เรียบเรียง บรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัย พบว่า 1) เวทนาในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท คือ ความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ไม่สุขไม่ทุกข์บ้าง มีการรับรู้อารมณ์หรือสิ่งมากระทบสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้แก่ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เป็นต้น แล้วเกิดความรู้สึกจากการกระทบสัมผัสนั้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการกำหนดรู้เวทนาจะที่ต้องอาศัยความเพียรและกำลังใจของผู้ปฏิบัติที่เข้มแข็งเป็นอันมากเพราะสภาวะของเวทนานั้น 2) หลักความเพียรที่ส่งเสริมเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ได้แก่ ความเพียร คือ อาตาปีหรือ วิริยะ แปลว่า ความเพียรเครื่องเผากิเลส ความอาจหาญ แกล้วกล้า บากบั่น ก้าวไป ใจสู้ ไม่ย่อท้อไม่หวั่นกลัวต่ออุปสรรคและความยากลำบาก ความเพียรที่เป็นสัมมาวายามะ เป็นความเพียรชอบที่มีลักษณะพึงละความชั่วที่เกิดขึ้นแล้วระวังความชั่วที่ยังไม่เกิดขึ้นเกิดขึ้นมาใหม่ สร้างกุศลธรรมความดีใหม่ให้เกิดขึ้น 3) การรับรู้ลักษณะพิเศษของสุขเวทนา โดยรับเอาอารมณ์อันเป็นเหตุแห่งความสุข หมายถึง การรับรู้เหตุใกล้ของเวทนา คือ อารมณ์ที่น่าชอบใจ ดังนั้น เมื่อมีสุขเวทนาเกิดขึ้น พระโยคาวจรผู้ปฏิบัติกำหนดรู้เท่าทันต่อสุขเวทนาว่า สุขหนอ ดีใจหนอ อิ่มใจหนอเป็นต้น เพื่อรู้เท่าทันต่อสุขเวทนาที่เกิดขึ้น มีความเพียร (อาตาปี) ในเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานกล่าวคือ พระโยคาวจรมีความเพียรในการกำหนดรู้เวทนา 9 ประการตามหลักเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานจึงเป็นการตัดวงจรของสังสารวัฏอย่างแท้จริง เมื่อตัณหาไม่เกิด อุปาทาน ภพ ชาติ ชราและมรณะก็เกิดขึ้นไม่ได้ วนเวียนของสังสารวัฏที่เริ่มต้นจากตัณหาก็ถูกขจัดไปได้ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยเป็นแบบ “ASSA+3 Model”
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
- ข้อความใดๆ ที่ปรากฎในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
เอกสารอ้างอิง
พรรณราย รัตนไพฑูรย์. (2544). การศึกษาวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากัมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 ศึกษาแนวการสอนของพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรสี). (2548). วิปัสสนาภูมิ. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทิพยวิสุทธิ์.
พระครูฌานวิรัติ. (2554). หลักการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน (มหาสติปัฏฐานสูตร) พระพุทธเจ้าทรงตรัส. กรุงเทพฯ: นิตยสารโลกทิพย์.
พระครูวิเวกธรรมาภิราม (สวัด วิเวโก). (2558). ศึกษาการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในภาวนาสูตร. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตร์ บัณฑิวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต). (2543). พุทธธรรมฉบับปรับปรุงและขยายความ. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระปรีดา อภิวโร (บัวสด). (2560). ศึกษาทุกขเวทนาเพื่อการบรรลุธรรมตามแนวเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน. สารนิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2554). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ: พระพุทธศาสนาของธรรมสภา.
พระพุทธโฆสเถระ รจนา. (2558). คัมภีร์วิสุทธิมรรค. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: บริษัท ธนาเพรส
พระสุมังคลเถระ. (2542). อภิธมฺมตฺถสงฺคหปาลิยาสหอภิธมฺมตฺถวิภาวินี นามอภิธมฺมตฺถ สงฺคหฎีกา. นครปฐม: มหามกุฏราชวิทยาลัย.
พระอุปติสสเถระ. (2542). วิมุตติมรรค. แปลโดย พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมฺจิตโต). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: มหามกุฎราชวิทยาลัย.
พุทธทาสภิกขุ. (2534). หลักพุทธธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฏกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มาโนช น้อยวัฒน์. (2551). อนุปุพพิกถา และ อริยสัจ. กรุงเทพฯ: จัดพิมพ์โดยชมรมอนุรักษ์ธรรม.
วรรณสิทธิ์ ไวทยะเสวี. (2547). คู่มือการศึกษาพระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ 2 เจตสิกสังคหวิภาค. ม.ป.ท.: ม.ป.พ.
วิภารัตน์ บุญเฉลียว. (2557). ศึกษาวิธีกำหนดรู้ทุกข์ในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา. กรุงเทพฯ: ชนากานต์พริ้นติ้ง.