ตำนานเมืองฟ้าแดดสู่การสร้างสรรค์นาฏศิลป์ ชุดทวารวดีศรีฟ้าหยาดบูชาพระธาตุยาคู
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลการศึกษาประวัติความเป็นมาเมืองฟ้าแดดสงยาง และตำนานนางฟ้าหยาด และ 2) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏศิลป์สร้างสรรค์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง งานวิจัยเป็นวิธีแบบวิจัยเชิงคุณภาพนำเสนอแบบพรรณนาผลการวิจัย พบว่า 1) เมืองฟ้าแดดสงยางมีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนานสืบต่อกันมาตั้งแต่พุทธศตวรรษ ที่ 12 ในสมัยของยุคทวารวดี มีการค้นพบหลักฐานที่สำคัญได้แก้ใบเสมาจำนวนมากและได้มีการสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา สะท้อนให้เห็นถึงกริยาท่าทาง การแต่งกาย บริบทสถานี่ของคนในยุคนั้น สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันคนในชุมชนที่อยู่บริเวณพื้นที่เมืองฟ้าแดดยังคงนับถือพุทธศาสนา มีการสร้างวัดในบริเวณพื้นที่หมู่บ้าน และมีตำนานนางฟ้าหยาดสะท้อนความงาม ความศรัทธา และการเสียสละของตัวละคร พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ท้องถิ่น เช่น โบราณสถานโบราณวัตถุและศิลปะพื้นถิ่น เกิดเป็นประเพณีพิธีกรรมของท้องถิ่นที่จัดขึ้นในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ ของเดือนหก จะมีพิธีบูชาพระธาตุยาคู และมีการฟ้อนรำถวายเป็นประจำทุกปี จากการวิเคราะห์นำไปสู่แนวทางสร้างสรรค์นาฏศิลป์ 7 องค์ประกอบ ได้แก่ เนื้อหา แสง ฉาก ท่ารำ การแต่งกาย อารมณ์ และดนตรี 2) การสร้างสรรค์นาฏศิลป์ โดยการแสดงเน้นเนื้อหาสื่อถึงค่านิยมอีสาน ใช้แสงโทนอุ่นฉากโบราณสถาน ท่ารำหลากอารมณ์ การแต่งกายพื้นเมือง และใช้ดนตรีพื้นบ้าน บรรเลงประกอบผลการประเมินความพึงพอใจพบว่าภาพรวมอยู่ในระดับมาก
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
- ข้อความใดๆ ที่ปรากฎในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
เอกสารอ้างอิง
เกียรติศักดิ์ บังเพลิง. (2558). ชุมชนชาติพันธุ์ “บรู” ร่วมสมัยบนพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว: วิถีชีวิตและการปรับตัวทางวัฒนธรรม. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีนิพนธ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (Thammasat University Digital Collections).
เจริญชัย ชนไพโรจน์. (2543). ดนตรีและการละเล่นพื้นบ้านอีสาน. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม.
เจริญชัย ชนไพโรจน์. (2547). เคล็ดลับการสร้างสรรค์ทำนองลำ. การประชุมสัมมนาทางวิชาการ. ครั้งที่ 5. 5-6 กุมภาพันธ์ 2547. ณ อาคารภูมิพลสังคีตวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นครปฐม.
ชัยชนะ แสงสว่าง. (2557). วิวัฒนาการการตั้งถิ่นฐานเมืองฟ้าแดดสงยาง: มุมมองจากภาพถ่ายทางอากาศ การขุดแต่งและการขุดค้นทางโบราณคดี. UNISEARCH (Unisearch Journal). 1(2), 4.
ไชยยศ วันอุทา. (2539). ตำนานรักเมืองฟ้าแดดสงยาง. ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้น 10 มกราคม 2568 จาก https://www.silpa-mag.com/culture/article_125269
เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์. (2555). สืบสานตำนานเมืองฟ้าแดดสงยาง. กาฬสินธุ์: สำนักการศึกษา.
บังอร ปิยะพันธุ์. (2529). ประวัติศาสตร์ของชุมชนชาวลาวในหัวเมืองชั้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น. วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาประวัติศาสตร์: มหาวิทยาลัยศิลปากรนครปฐม.
บุญเกิด พิมพ์วรเมธากุล และคณะ. (2544). ประเพณีอีสานและเกร็ดโบราณคดีไทอีสาน. ขอนแก่น: คลังนาวิทยา.
ปิ่นเกศ วัชรปาณ. (2559). การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์. สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย คณะครุศาสตร์:มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี.
พจมาน สมรรคบุตร. (2538). แนวคิดประดิษฐ์ท่ารําเซิ้ง. สำนักส่งเสริมวิชาการ สถาบันราชภัฏอุดรธานี.
พรสวรรค์ พรดอนก่อ. (2554). พุทธบูชาพระธาตุยาคู. กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม.
พระอริยานุวัตร เขมจาริเถระ. (2514). พญาจันทะราช. ศูนย์อนุรักษ์วรรณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วัดมหาชัย; จังหวัดมหาสารคาม.
สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. (2525). วรรณคดีวิเคราะห์. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2547). วิวัฒนาการนาฏยศิลป์ไทยในกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2325-2477. พิมพ์ครั้งที่ 2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อนุชิต สิงห์สุวรรณ. (2553). ประวัติศาสตร์อีสาน พ.ศ. 2475 ถึงสิ้นทศวรรษ 2520. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร มหาบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ศึกษา: มหาวิทยาลัยศิลปากร.