การปฏิบัติสมถกรรมฐานในพระพุทธศาสนาและการเข้าเงียบในศาสนาคริสต์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวคิดและแนวทางการปฏิบัติสมถกรรมฐานในพระพุทธศาสนาเถรวาทเปรียบเทียบกับการเข้าเงียบในศาสนาคริสต์ โดยวิเคราะห์ถึงความหมาย วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และหลักการสำคัญของทั้งสองแนวปฏิบัติ เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสอดคล้องและความแตกต่างอย่างเป็นระบบ จากการศึกษาพบว่า สมถกรรมฐาน ในพระพุทธศาสนาเป็นอุบายวิธีในการฝึกฝนจิตให้เกิดความสงบและตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีจุดประสงค์หลักเพื่อระงับนิวรณ์ 5 ประการ อันเป็นเครื่องขัดขวางความดีและความสงบของจิต การปฏิบัติเริ่มต้นด้วยการชำระศีลให้บริสุทธิ์ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงของการเจริญสมาธิและปัญญา เป้าหมายสูงสุดของสมถกรรมฐานคือการทำจิตให้สงบและมีพลัง เพื่อเป็นบาทฐานในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน นำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจและบรรลุนิพพานอันเป็นการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง ส่วนการเข้าเงียบ ในศาสนาคริสต์ คือการปลีกตัวจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันเพื่อใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้า ผ่านการอธิษฐาน การอ่านและใคร่ครวญพระคัมภีร์ วัตถุประสงค์สำคัญคือการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อรับการฟื้นฟูจิตวิญญาณ แสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ และเตรียมความพร้อมสำหรับการรับใช้ผู้อื่น โดยมีพระเยซูเป็นแบบอย่างในการแสวงหาที่สงบเพื่ออธิษฐานต่อพระบิดา แม้การปฏิบัติทั้ง 2 จะมีเป้าหมายสูงสุดที่แตกต่างกัน โดยสมถกรรมฐานมุ่งสู่การหลุดพ้นจากทุกข์ด้วยตนเอง ขณะที่การเข้าเงียบมุ่งเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่ก็พบความสอดคล้องกันในหลักการพื้นฐาน คือ การพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณ ทั้งสองแนวทางต่างให้ความสำคัญกับการสร้างความสงบภายใน การปลีกตัวจากสิ่งรบกวนภายนอก และการเพ่งพินิจภายในตนเอง ซึ่งล้วนเป็นวิธีการที่นำไปสู่ความสงบสุขในการดำเนินชีวิตตามหลักศาสนาของตน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
ข้อความในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
เอกสารอ้างอิง
เกรียงศักดิ์ วรรธนาศิรกุล. (2560). การฟื้นฟูจิต. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.(2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539.
สมาคมพระคริสธรรมไทย.(2010). พระคริสตธรรมคัมภีร์. พิมพ์ครั้งที่ 27. กรุงเทพมหานคร: สมาคมพระคริสตธรรมไทย, ค.ศ. 2010.
พระพุทธโฆสเถระ. คัมภีรวิสุทธิมรรค. แปลโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ), พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ธนาเพรส จํากัด. 2548.
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก. คู่มือการปฏิบัติสมถกรรมฐาน. นครปฐม : บริษัทเพชรเกษม พริ้นติ้ง กรุ๊ป จำกัด. 2553
คุณพ่อนพรัตน์ เรือนกุล. (2567).การรู้จักให้เวลาและใช้ชีวิตให้ช้าลงบ้าง. อุดมสาร,48(36), หน้า3-4.
พระบุญล้อม จารุธมฺโม และคณะ.(2567). ประโยชน์ของกรรมฐานสำหรับพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา. วารสารเสฏฐวิทย์ปริทัศน์, 4(1), หน้า 43-54.
พระครูพิพิธวรกิจจานุการ และคณะ.(2567). หลักการและวิธีการปฏิบัติสมถภาวนา. วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์. 10(1), หน้า 189-206.
สุชาดา ทองมาลัย และคณะ.(2561). วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของการปฏิบัติสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาต่อการบรรลุธรรม. วารสารมนุษยศาสตร์. 25(2), หน้า 376-409.
คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร.(2568). เข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจ 9 วัน สู่อาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568,จากhttp://www.bangkokbible.net/index.php/9-about-us/1000-9-3
นียาห์ ซิโมน. (2568). การเข้าเงียบ. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568, จาก https://beinnotof.com/post/quiet-time-how-to