ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เบญจกิจโมเดลที่มีต่อความสามารถในการถ่ายโอนการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถในการถ่ายโอนการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เบญจกิจโมเดลกับเกณฑ์ที่กำหนด 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังเรียน และ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนกับเกณฑ์ที่กำหนด กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดกลางคลองสระบัว กลุ่มโรงเรียนชัยมงคล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยาเขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 23 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เบญจกิจโมเดล ซึ่งมีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.89) 2) แบบประเมินความสามารถในการถ่ายโอนการเรียนรู้ ซึ่งมีอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.37-0.71 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.81 และ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.34-0.73 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.27-0.79 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีชนิดสองกลุ่มไม่อิสระกัน และการทดสอบค่าทีชนิดกลุ่มเดียวเทียบกับเกณฑ์
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เบญจกิจโมเดลมีความสามารถในการถ่ายโอนการเรียนรู้อยู่ในระดับสูง ( % = 78.74)
2. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เบญจกิจโมเดลมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เบญจกิจโมเดลมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
เอกสารอ้างอิง
จิตรลดา ทองอันตัง. (2559). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยการรับใช้สังคมร่วมกับแนวคิดการเรียนรู้เชิงสถานการณ์เพื่อเสริมสร้างจิตสาธารณะ ความสามารถในการถ่ายโอนการเรียนรู้ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
จิระพงศ์ ป้อมน้อย และคณะ. (2566). การจัดการเรียนการสอนด้วยการบูรณาการเบญจกิจโมเดลเพื่อพัฒนาผู้เรียนในยุค Distruption. [Online]. Available : https://nakhonnayok.dusit.ac.th/article. [2568, เมษายน 20].
เจย์ แมคไท และ เอลเลียตต์ ซีฟ. (2562). กรอบความคิดในการนำไปปฏิบัติเพื่อสนับสนุนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21. ใน เจมส์ เบลลันกา และรอน แบรนต์ (บรรณาธิการ). ทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills : Rethinking How Students Learn). พิมพ์ครั้งที่ 3. (วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และอธิป จิตตฤกษ์, แปล). กรุงเทพฯ : บุ๊คสเคป. (ต้นฉบับ พิมพ์ ค.ศ. 2010).
ณรัช เจริญศิลป์. (2565). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้เบญจกิจโมเดลที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา ความสามารถทางดิจิทัล และความพึงพอใจในการเรียนของนักศึกษา สาขาพลศึกษามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอ่างทอง. วารสารนิสิตวัง มหาวิทยาลัยมหามงกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย, 24 (2), 29-40.
ทิศนา แขมมณี. (2567). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.พิมพ์ครั้งที่ 27. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นันทนา ลีลาชัย. (2556). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนการอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยผสมผสานแนวคิดอภิปัญญา การเรียนรู้แบบเน้นประสบการณ์และชุมชนการเรียนรู้แบบร่วมงานในชั้นเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ประยูร บุญใช้. (2564). เบญจกิจโมเดล : รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21.วารสารวิชาการหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 13 (38), 1-15.
ประยูร บุญใช้. (2566). การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการถ่ายโอนการเรียนรู้ : การวิเคราะห์อภิมานและการวิเคราะห์เนื้อหา. วารสารวิชาการหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 15 (44), 83-97.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2563). การเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลังกับ PLC เพื่อการพัฒนา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริธัญญา ตันสกุล. (2566). การพัฒนาบทเรียนออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะการฟังโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบค้นพบผสมผสานกับเบญจกิจโมเดลในรายวิชา ศิลปะ ศ 30203. โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี).
สุรางค์ โค้วตระกูล. (2565). จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 14. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Gick, M. L., and Holyoak, K. J. (2022). The cognitive basis of knowledge transfer. In R. J. Sternberg and K. J. Holyoak (Eds.), The Cambridge handbook of thinking and reasoning. 2nd ed. pp. 411-432. Cambridge University Press.
Mohming, H., et al. (2017). Science in Classroom and Knowledge Transfer to the Muslim Way of Life.Veridian E-Journal, Silpakorn University (International Humanities, Social Sciences and arts), 10 (4), 134-147. Available : https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/view/94321. [2024, April 12].
Schwartz, D. L., et al. (2020). The ABCs of how we learn : 26 scientifically proven approaches,how they work, and when to use them. Norton Professional Books.
Sousa, D. A. (2022). How the brain learns. 6th ed. Corwin.
Stern, J., et al. (2021). Learning that transfers : Designing curriculum for A changing world. Corwin Press Inc.
Suwathanpornkul, I., et al. (2023). Learning loss and psychosocial issues among Thai students amidst the COVID-19 Pandemic : the perspectives of teachers in the online classroom. BMC Psychol, 11 (232). https://doi.org/10.1186/s40359-023-01269-1.