Development of Community Enterprise Management in Nakhon Sawan Province
Article Sidebar
Main Article Content
Abstract
This research aimed at 1.to compare management of community enterprise groups in Nakhon Sawan province classified by personal factors, Aand 2. to propose guidelines for development of community enterprise management in Nakhon Sawan province. This research was a mix-method research, using questionnaires with a sample of 346 people from 2,547 people who are members of agricultural community enterprises in Nakhon Sawan province. The reliability of Cronbach's alpha coefficient was 0.973. Data were analyzed by using software packages for social science research. The hypotheses were tested by t-test and f-test with One Way ANOVA. When the differences were found, the difference of mean was tested as paired by Least Significant Difference (LSD). Whereas, the qualitative research, using in-depth interviews with 7 key informants by using structured interviews and using descriptive content analysis techniques.
It was found from the research that:
- The comparison of opinions of respondents towards management of community enterprise groups in Nakhon Sawan province classified by personal factors, it was found that respondents with the difference of gender, education level, agricultural community enterprise groups and annual income had no difference in the opinions of development of community enterprise management in Nakhon Sawan province, therefore rejecting the assumptions of research, while only respondents of different ages had different opinions therefore accepted the assumptions.
- Development of community enterprise management in Nakhon Sawan province found that Buddhist principles in Buddhism should be integrated as follows: 2.1) the principle of Sappurisadhamma 7 should be integrated with production planning in order to make the plan more effective, 2.2) the principle of Dhutiyapapanikadhamma should be integrated with the structure group management to be more effective, 2.3) it should be integrated with the principle of Iddhipada 4 in the selection of members to work in order to obtain good quality members, 2.4) the Sangahavatthu 4 principle should be integrated with the administration to ensure smooth operations, and 2.5) the Bala 5 principle should be integrated with financial and accounting controls for greater efficiency.
Article Details
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจยวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจยวิชาการก่อนเท่านั้น
References
ชมภูนุช หุ่นนาคและคณะ. (2562). แนวทางการพัฒนาระบบบัญชีของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑลจังหวัดนครปฐม. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์, 9(1).
ชัชชนก เตชะวณิช. (2561). บุพปัจจัยความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนในประเทศไทย. วารสารวิชาการ การตลาดและการจัดการ, 5(1).
ธงพล พรหมสาขา ณ สกลนคร และอุทิศ สังขรัตน์. (2560). แนวทางการพัฒนาการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนในเขตลุ่มทะเลสาบสงขลา. (รายงานวิจัย). ภาควิชาสารัตถศึกษา คณะศิลปศาสตร์: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
พระราชสิทธิเวที และคณะ. (2562). การส่งเสริมกระบวนการแห่งสัมมาชีพของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดพิจิตร. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น, 6(1).
รัชนี รูปหล่อและคณะ. (2562). แนวทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนและเจริญเติบโตของวิสาหกิจชุมชน. วารสารวิชาการและวิจัย มทร.พระนคร สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, ฉบับพิเศษ(5).
สัญญา เคณาภูมิ. (2558). แนวทางการพัฒนาประสิทธิผลของวิสาหกิจชุมชนในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม. วารสารวิชาการแพรวากาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, 2(3).
สำนักงานส่งเสริมการเกษตรจังหวัดนครสวรรค์. (2556). รายงานข้อมูลวิสาหกิจชุมชนจังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ 2556. (อัดสำเนา)
อังกาบ บุญสูง. (2559). การศึกษาแนวทางการสร้างเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอพื้นเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์. วารสารวิชาการศิลปะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2(1).
