ความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์.
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ๒) เพื่อพัฒนาความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์และ ๓) เพื่อวิเคราะห์รูปแบบสร้างความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีขั้นตอนคือ (๑) กำหนดประเด็นในการค้นคว้าให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยและปัญหาการวิจัยที่ต้องการทราบ (๒) กำหนดฐานข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา อันประกอบด้วยฐานข้อมูลที่ได้จากแหล่งปฐมภูมิ (Primary Source) คือ คัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถาหรือฎีกา ชั้นรองลงมา และแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Source) ได้แก่ หนังสือเอกสาร บทความวิทยานิพนธ์และสารบรรณอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (๓) สังเคราะห์ข้อมูล โดยการลดทอนข้อมูล เลือกหาจุดที่เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ต้องการศึกษาเท่านั้น ตรวจสอบข้อมูลให้มีความถูกต้อง จากข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งต่างๆ ซึ่งจะดำเนินการ เก็บรวบรวมข้อมูลในประเด็นเดียวกัน แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่จากการกลั่นกรองจัดระบบข้อมูล ด้วยการจำแนก และแปลความโดยวิเคราะห์ผลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยเป็นสำคัญเพื่อให้ได้ความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์โดยในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ออกแบบด้วยวิธีวิจัยแบบผสมวิธี (Mixed Methods Research) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
ปัจจัยที่มีผลต่อความผาสุกทางจิตวิญญาณของผู้สูงอายุในจังหวัดบุรีรัมย์ มี ๒ ปัจจัย คือ ๑) ปัจจัยด้านความผาสุกทางจิตวิญญาณของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ๑.๑) ความรู้สึกต่อชีวิต คู่ชีวิต บุตรหลานหรือบุคคลสำคัญของชีวิต ๑.๒) ความผาสุกในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน และ ๑.๓)ความผาสุกในการมีศาสนายึดมั่น และ ๒) ปัจจัยด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว ประกอบด้วย ๒.๑)การใช้เวลาในการทำกิจกรรมร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว ๒.๒) การพูดคุย ปรึกษาหารือ และตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆ ของสมาชิกในครอบครัว ๒.๓) การแสดงออกซึ่งความรักและความเอื้ออาทรกัน ทั้งทางกาย วาจา และใจของสมาชิกในครอบครัว ๒.๔) การปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสมของสมาชิกในครอบครัว และ ๒.๕) ความสัมพันธ์กับเพื่อน
พัฒนาความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ จากการสังเคราะห์เป็นกิจกรรมพัฒนาความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า
ด้านที่ ๑ ด้านทานคือกิจกรรมตักบาตรให้ทาน สมาทานรักษาศีลใช้เวลา ๑.๓๐ ชม.ลักษณะกิจกรรม -แต่งกายด้วยชุดขาวที่ถูกสุขลักษณะ -มีอาหารที่สะอาดถูกสุขอนามัย -ยืนเรียงแถวอย่างสวยงามตักบาตรพระสงฆ์ -สมาทานศีล อยู่ในกฎระเบียบของโครงการ วัตถุประสงค์กิจกรรมได้ทำบุญรักษาศีลทำให้รู้จักการให้ เสียสละ ผลที่ได้จากกิจกรรม รู้จักกฎระเบียบในสังคมและยอมรับกฎเกณฑ์ของสังคม
ด้านที่ ๒ ด้านกิจกรรมพัฒนาความคิด ปรับการพูด เปลี่ยนการกระทำ ใช้เวลา๓๐ นาที ลักษณะกิจกรรม พระวิทยาการให้หลักการเกี่ยวกับพัฒนาความคิด ปรับการพูด เปลี่ยนการกระทำ วัตถุประสงค์กิจกรรมมีความรู้ ความเข้าใจและมีเจตคติที่ดีต่อการคิดดี พูดดี ทำดี ผลที่ได้จากกิจกรรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาความคิด ปรับการพูด เปลี่ยนการกระทำ
ด้านที่ ๓ ด้านภาวนา ๑) กิจกรรมฉันคือใคร ใช้เวลา ๒ ชม. ลักษณะกิจกรรมการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ที่ผู้สูงมี ว่าในชีวิตมีใครบ้างที่อยู่รอบๆ ตัวเช่น เพื่อน ญาติ พี่น้อง หรือคนในครอบครัว – เล่าให้เพื่อนฟัง – สรุปร่วมกัน วัตถุประสงค์กิจกรรมมีความเข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่น ผลที่ได้จากกิจกรรมมีความเข้าใจตนและรู้จักเข้าสังคมกับเพื่อนและญาติมิตร ๒) กิจกรรมเข้าใจตน เข้าใจธรรมใช้เวลา ๑ ชม. ลักษณะกิจกรรม พระวิทยากรสอนธรรมเกี่ยวกับหลักการใช้สติและการรู้จักใช้ชีวิต มีการเข้าใจตนเอง วัตถุประสงค์กิจกรรมเข้าใจคนอื่น มีหลักการใช้สติในการดำเนินชีวิต ผลที่ได้จากกิจกรรมรู้จักใช้สติในการดำเนินชีวิต ๓) กิจกรรมปฏิบัติธรรมใต้แสงเทียน ใช้เวลา ๑ ชม.ลักษณะกิจกรรมสวดมนต์ทำวัตรใต้แสงเทียน วัตถุประสงค์กิจกรรมมีความสุข สงบ เย็น รู้ผลที่ได้จากกิจกรรมจักหลักธรรมตามหลักพระพุทธศาสนาและการเข้าใจชีวิต
ระดับความผาสุกทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการบุญกิริยาวัตถุของผู้สูงอายุที่มาถือศีลอุโบสถในวัดของพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ตอบแบบสอบถาม โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยระดับมาก ( = ๔.๓๕) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีระดับค่าเฉลี่ยระดับสูงสุด มี ๒ ด้าน คือ ด้านที่ ๑ ความรู้สึกต่อชีวิต คู่ชีวิต บุตรหลานหรือบุคคลสำคัญของชีวิต และด้านที่ ๓ ความผาสุกในการมีศาสนายึดมั่น หมายถึง ความสุกที่มีเกิดจากการปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา ( = ๔.๓๕) และด้านที่มีระดับค่าเฉลี่ยระดับต่ำสุด คือ ด้านที่ ๒ ความผาสุกในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน หมายถึง ความผาสุกในปัจจุบันที่เป็นอยู่ ( = ๔.๓๔)
Article Details
References
นงเยาว์ กันทะมูล. (2546). ความผาสุกทางจิตวิญญาณของผู้สูงอายุโรคมะเร็งปอด. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พระพรหมคุณาภรณ์ ( ป.อ. ปยุตฺโต). (2550). ธรรมะสำหรับผู้สูงอายุ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ธรรมสภา.
ภิรมย์ เจริญผล. (2553). “ศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธธรรมที่ใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ: กรณีศึกษา ผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ จังหวัดนครปฐม”.วิทยานิพนธ์พุทธศาสตร มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
อุไรวรรณ ชัยชนะวิโรจน์. (2543). “ความสัมพันธ์ระหว่างสัมพันธภาพในครอบครัวภาวะ สุขภาพการปฏิบัติธรรมกับความผาสุกทางจิตวิญญาณของผู้สูงอายุ”. วิทยานิพนธ์ ปริญญาพยาบาลมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.