รูปแบบการพัฒนาครูวิทยาศาสตร์โดยใช้ STEM สำหรับโรงเรียน ที่มีครูสอนไม่ตรงสาขา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ความต้องการ และปัญหาของครูเกี่ยวกับพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ STEM 2) สร้างรูปแบบการพัฒนาครูวิทยาศาสตร์โดยใช้ STEM สำหรับโรงเรียนที่มีครูสอนไม่ตรงสาขา ดำเนินการในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา แบ่งการวิจัยออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบัน ความต้องการ และปัญหาของครูเกี่ยวกับพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ STEM ระยะที่ 2 สร้างรูปแบบการพัฒนาครูวิทยาศาสตร์โดยใช้ STEM สำหรับโรงเรียนที่มีครูสอนไม่ตรงสาขา กลุ่มเป้าหมาย คือ ครูวิทยาศาสตร์ที่สอนไม่ตรงสาขา ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ จำนวน 15 คน ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหาร/หัวหน้างานวิชาการ ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ และนักเรียนใน 11 โรง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ประเด็นการสนทนากลุ่มและแบบประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ประกอบด้วย ความถี่ ร้อยละค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพปัจจุบันของพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูโดยใช้ STEM โดยภาพรวมมีการดำเนินการอยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รองลงมาได้แก่ ด้านการวัดประเมินผลการเรียนรู้ ด้านการประยุกต์ใช้ความรู้และด้านการใช้คำถามกระตุ้นนักเรียน ตามลำดับ 2) ความต้องการของครูเกี่ยวกับพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูโดยใช้ STEM โดยภาพรวมมีความต้องการอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รองลงมา ได้แก่ ด้านการใช้คำถามกระตุ้นนักเรียน ด้านการวัดประเมินผลการเรียนรู้ และด้านการประยุกต์ใช้ความรู้ ตามลำดับ 3) รูปแบบการพัฒนาครูวิทยาศาสตร์โดยใช้ STEM สำหรับโรงเรียนที่มีครูสอนไม่ตรงสาขา มี 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ 3) กลุ่มเป้าหมาย 4) ขั้นตอนและวิธีดำเนินการ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 การทำบันทึกตกลงความร่วมมือ ขั้นที่ 2 รวมกลุ่มพัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ STEM ประกอบด้วยขั้นตอนเรียกว่า GPERC Model ได้แก่(1) กำหนดเป้าหมาย (Goals Clarified : G) (2) เสนอความรู้และปฏิบัติ (Presenting and Practicing : P) (3) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Exchange : E) (4) สะท้อนคิด (Reflection : R) (5) สรุปผลและนำไปใช้ (Concluding and Applying : C) ขั้นที่ 3 ปฏิบัติการจัดการเรียนรู้โดยใช้ STEM ขั้นที่ 4 ประเมินผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ STEM 5) เนื้อหาของรูปแบบ 6) การประเมินรูปแบบ และ 7) เงื่อนไขของความสำเร็จ
Article Details
References
กมลฉัตร กล่อมอิ่ม. (2559). การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสะเต็มศึกษา สำหรับนักศึกษา
วิชาชีพครู LEARNING MANAGEMENT BASED ON STEM EDUCATION FOR STUDENT TEACHERS.วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.18 (4) : 334.
กรัณย์พล วิวรรธมงคล. (2561). รูปแบบการพัฒนาครูโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้
ทางวิชาชีพเพื่อส่งเสริมความสามารถจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มในระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน. Veridian E-Journal Silpakorn University ฉบับภาษาไทย
มนุษย์ศาสตร์ สังคมศาสตร์และศิลปะ.11(3) กันยายน-ธันวาคม 2561 :92-114.
มาเรียม นิลพันธุ์. (2553). วิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2.
นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร.
รชากานต์ เคนชมพู. (2555). ผลกระทบจากครูผู้สอนสอนไม่ตรงสาขาวิชาเอกต่อผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กรณีศึกษาโรงเรียน
ประถมศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จังหวัดชัยภูมิ. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
วิทยากร เชียงกุล. (2559).รายงานสภาวะการศึกษาไทย ปี 2557/2558จะปฏิรูปการศึกษา
ไทยให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างไร. กรุงเทพฯ :บริษัทพิมพ์ดีการพิมพ์ จำกัด.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสะเต็ม.
กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579.
กรุงเทพฯ : บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.