การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ และการทำงานเป็นทีมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการ จัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา (STAEM Education) เรื่อง ดวงจันทร์และระบบสุริยะของเรา

Main Article Content

สุชาติ รับไทรทอง
วนิดา ฉัตรวิราคม

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และการทำงานเป็นทีมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา (STAEM Education) เรื่อง ดวงจันทร์และระบบสุริยะ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวัดทักษะความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดวงจันทร์และระบบสุริยะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา 2.) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำงานเป็นทีมในการเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่อง ดวงจันทร์และระบบสุริยะ ตามแนวคิดสะตีมศึกษา 3) เพื่อศึกษาความสามารถในการสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้ตามแนว 8 คิดสะตีมศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 หลักสูตรปกติ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 41 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา (STAEM Education) 2) แบบวัดความสามารถในการแก้ไขปัญหาทางวิทยาศาสตร์ 3.) แบบวัดการทำงานเป็นทีม 4) แบบวัดความสามารถในการสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test Dependent Sample ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์  หลังเรียนสูงกว่าระหว่างเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีพัฒนาการในการแก้ปัญหาที่สูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 46.5,59.5,71.85 ตามลำดับ 2) พฤติกรรมการทำงานเป็นทีมนักเรียนทุกกลุ่มมีคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 2.08-2.66 อยู่ในระดับดี 3) ความสามารถในการสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ พบว่านักเรียนมีพัฒนาการในการสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่สูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 44.84,61.96,85.80 ตามลำดับ

Article Details

ประเภทบทความ
Research Articles
ประวัติผู้แต่ง

วนิดา ฉัตรวิราคม, มหาวิทยาลัยรามคำแหง

มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง

การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช2551.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนมสหกรณ์การเกษตรแห่ง

ประเทศไทย จากัด.

ฝ่ายวิชาการโรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม.(2565).งานหลักสูตรและการสอนภายในสถานศึกษา

ปี 2565.

กชกร พินิจมนตรี(2560). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน STEAM Education เพื่อพัฒนา

ทักษะการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกยาปีที่ 1. วารสารการ

ประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์,

, 179-192.

กรมวิชาการ. (2535). ความคิดสร้างสรรค์ หลักสูตรทฤษฎีการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์

คุรุสภาลาดพร้าว.กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิต.กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560).ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้

แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช

(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560). กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.).(2558).คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่ม

สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้าว.

จารีพร ผลมูล. (2558). การพัฒนาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการแบบ STEAM สำหรับนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 3 : กรณีศึกษา ชุมชนวังตะกอ จังหวัดชุมพร. บัณฑิตวิทยาลัย :มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรต,

เจนจิรา สันตีไพบูลย์. (2561). การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามแนวคิด STEAM ร่วมกับการสอน

เชิงผลิตภาพเพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการและความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงาน

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. บัณฑิตวิทยาลัย :มหาวิทยาลัยศิลปากร,

นิวัฒน์ บุญสม. (2556). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดของกระบวนการแก้ปัญหา

อย่างสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมด้านสุขภาพของนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร,

ดารุณี เพ็งน้อย. (2563). การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และการสร้าง

ผลงานทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด STEAM Educationนักศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศิลปากร

ภิญโญ วงษ์ทอง. (2562). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการ STEAM Education ที่มีต่อ

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความพึงพอใจ

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4.วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ

สิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 10(1), 94-112.

ศศิธร ศรีวงษ์ญาติดี. (2560). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้โปรแกรมหุ่นยนต์ด้วยวัฏจักรการเรียนรู้

E เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์.บัณฑิตวิทยาลัย :

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,

มีนกาญจน์ แจ่มพงษ์. (2559). การพัฒนาชุดฝึกทักษะแบบสะตีมศึกษาเพื่อการสร้างสรรค์ขึ้นงาน

เรื่อง พลังงานรอบตัวเรา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี,

รุจิราพร รามศีริ. (2556). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์โดย ใช้การวิจัยเป็นฐาน

เพื่อเสริมสร้างทักษะการวิจัย ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์

ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศิลปากร,

อลงกต ยาวิละกาศ.(2561).การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาศิลปะเรื่ององค์ประกอบศิลป์และ

ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กิจกรรมศิลปะตามแนวคิดหมวกหกใบ ร่วมกับการวิเคราะห์ทางทัศนศิลป์. บัณฑิตวิทยาลัย :มหาวิทยาลัยศิลปากร,

Kim. (2018). DEVELOPMENT AND APPLICATION OF ART BASED STEAM EDUCATION

PROGRAM USING EDUCATIONAL ROBOT International Journal of Mobile and

Blended Learning (IJMBL), 10(3), 46-57.