การพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษและแรงจูงใจในการเรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความสามารถในการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษา 2) ศึกษาแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษา และ 3) ศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านดอนขุนห้วย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 2 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ที่ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม โดยใช้โรงเรียนเป็นหน่วยสุ่ม จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษา จำนวน 5 แผน ค่าความสอดคล้องระหว่าง 0.67-1.00 2) แบบประเมินความสามารถในการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ค่าความสอดคล้องระหว่าง 0.67-1.00 ค่าความยากง่ายระหว่าง 0.25-0.75 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.22-0.45 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.72 3) แบบสอบถามแรงจูงใจในการเรียนของนักเรียน ค่าความสอดคล้องระหว่าง 0.67-1.00 และ 4) แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน ค่าความสอดคล้องระหว่าง 0.67-1.00 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1) ความสามารถในการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษาอยู่ในระดับดีมาก (X̅= 18.30, S.D. = 2.23)
2) แรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษาโดยภาพรวมอยู่ในระดับดี (X̅=2.93, S.D.= 0.21) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับดีทุกด้าน ได้แก่ แรงจูงใจภายใน (X̅= 2.96, S.D. = 0.13) และแรงจูงใจภายนอก (X̅= 2.89, S.D. = 0.29) ตามลำดับ
3) พฤติกรรมการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโฟนิกส์ร่วมกับเกมการศึกษา พบว่า นักเรียนมีความสนใจ ความกระตือรือร้น ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมทำให้นักเรียนรู้จักเสียงของตัวอักษร สามารถแยกหน่วยเสียงในคำ ฝึกสะกดคำ อ่านออกเสียงคำได้ถูกต้อง และเกิด ความสนุกสนานในการเรียนมาก
Article Details
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ณัฐดนัย อินทรสมใจ. (2564). การใช้เกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาความสามารถในการสะกดคำและจดจำคำศัพท์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ปิยพร เกื้ออนันต์. (2564). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ร่วมกับการใช้สื่อประสม การเสริมแรง และเพื่อนช่วยเพื่อน. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
พีชาณีกา เพชรสังข์. (2562). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างพฤติกรรมการเรียนโดยใช้ทฤษฎีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และทฤษฎีการตั้งเป้าหมายสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี. บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สถาบันภาษาอังกฤษ. (2559). คำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานระดับชั้นประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สุชาดา อินมี. (2556). การพัฒนาการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยสื่อโฟนิกส์โปสเตอร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal. 6, 143-150. ค้นเมื่อ เมษายน 1, 2566, https://he02.tci-thaijo.org/
แอนนา ผลไสว. (2562). การพัฒนาแรงจูงใจในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยการจัด การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยบูรพา