แนวทางการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแหล่งน้ำพุร้อน บ้านสมอทอง จังหวัดอุทัยธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยว 2) ศึกษาศักยภาพการจัดการการท่องเที่ยว และ3) ศึกษาแนวทางการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติบ้านสมอทอง จ.อุทัยธานี ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 41–50 ปี ระดับมัธยมศึกษา อาชีพธุรกิจส่วนตัว รายได้ 25,001–30,000 บาท/เดือน มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง พฤติกรรมการท่องเที่ยวพบว่าส่วนใหญ่เคยมา 2–3 ครั้ง เดือนตุลาคม–ธันวาคม มารถยนต์ส่วนตัวและมากับครอบครัว ส่วนใหญ่ทำกิจกรรมแช่เท้าและชมวิว ใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาท วัตถุประสงค์หลักคือพักผ่อนหย่อนใจ ศักยภาพการท่องเที่ยวพบว่า ไม่มีแผนเป็นรูปธรรม พื้นที่ใช้งาน ได้แก่ โซนกิจกรรม โซนร้านค้า โซนสวนหย่อม โซนลาดจอดรถและโซนบ้านพัก กำหนดคุณค่าเป็นแหล่งน้ำพุร้อนแห่งเดียวในประเทศไทยที่อยู่กลางน้ำ เข้าถึงสะดวก การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย อาคารและสิ่งก่อสร้าง สาธารณูปโภคพื้นฐาน ความปลอดภัย การจัดการให้เกิดคุณภาพการให้บริการ เน้นความสะอาดและให้ความรู้แก่พนักงาน การจัดการกิจกรรม ได้แก่ แช่น้ำพุร้อน แช่เท้า อาบน้ำพุร้อน กางเต้นท์และกิจกรรมนันทนาการ การจัดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และวัฒนธรรม คือ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมน้อยที่สุด การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านเพจและสื่อสารแบบปากต่อปาก แนวทางการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พบว่า ควรตั้งคณะทำงาน การจัดการพื้นที่ การกำหนดคุณค่าเป็นแหล่งน้ำพุร้อนไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครและอยู่กลางน้ำ ควรมีขนส่งสาธารณะและใช้เทคโนโลยี อาคารและสิ่งก่อสร้างควรซ่อมแซมและก่อสร้างเพิ่มเติม สาธารณูปโภคพื้นฐานควรจัดทำระบบประปา ควรติดตั้งไฟส่องสว่างและซ่อมบำรุง การสื่อสารควรใช้อุปกรณ์ทันสมัย คุณภาพสูง ใช้งานง่าย และฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ ควรจัดการขยะอย่างเป็นระบบ ปรับปรุงป้ายให้สวยงาม ควรติดตั้งกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ป้ายแจ้งเตือน อุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีพนักงานให้คำแนะนำและฝึกอบรมพนักงาน การจัดการคุณภาพการให้บริการควรจัดการคุณภาพอุปกรณ์และคุณภาพการบริการ การจัดการกิจกรรมการท่องเที่ยวควรจัดให้สอดคล้องกับแหล่งน้ำพุร้อน วิถีชุมชน และออกแบบตามกายภาพ การจัดการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ควรเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้น้อยสุดและนำเทคโนโลยีมาใช้รักษาสิ่งแวดล้อม และการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ควรใช้สื่ออินเตอร์เน็ตเป็นสื่อหลัก และป้ายโฆษณาและการจัดอิเว้นท์เป็นสื่อรอง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2558). มาตรฐานการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว. กรุงเทพฯ. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กิตติศักดิ์ กลิ่นหมื่นไว และรัฎเกล้า เอื้อวงศ์กูล, (2566). การศึกษาแนวทางการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและพฤติกรรมการรับรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนครราชสีมา. วารสารเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และกลยุทธ์การจัดการ, 10(2) , 124-141.
คมสิทธิ์ เทียมวัฒนา สุจิตร สุคนธทรัพย์ และวิภาวดี ลี้มิ่งสวัสดิ์. (2561). สถานการณ์ความต้องการและแนวโน้มของรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย. วารสารวิชาการสถาบันการพลศึกษา, 10(1), 167-177.
ถนอมศักดิ์ ศรีจันทรา และณัฎฐพัชร มณีโรจน์. (2564). ความสามารถในการแข่งขันการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง. วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ, 12(1), 115-137.
ธนพล แก้วสังข์, อมรรัตน์ สุทธิธรรมานนท์ มณีหยก พานิชและวิชุตา ทองท่าฉาง. (2564). แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพบ่อน้ำพุร้อนเค็ม อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่. วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ, 4(2). 133-140.
นุชนาฎ หวนนากลาง. (2563). การศึกษาความต้องการและพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงวัยในเขตกรุงเทพมหานคร. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.
ณัฏฐพัชร มณีโรจน์. (2564). การพัฒนาศักยภาพของแหล่งน้าพุร้อนบ้านหนองเจริญ จังหวัดกาญจนบุรี สำหรับรองรับการท่องเที่ยวมูลค่าสูง. วารสารปรัชญาปริทรรศน์, 26(1) , 146-171.
ปทิตตา ตันติเวชกุล. (2546). การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ. จุลสารการท่องเที่ยว, 22(1). 30-41.
ปฏิมาศ เสริฐเลิศ. (2562). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทางวัฒนธรรม บ้านโนนน้ำเกลี้ยง อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ (รายงานวิจัย). มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, มหาสารคาม.
พิมพ์ชนก มูลมิตร์. (2559, 22 ตุลาคม). การจัดการแหล่งท่องเที่ยวประเภทแหล่งพุน้ำร้อนและแหล่งพุน้ำเย็น ณ. สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน). [เอกสารนำเสนอ] การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 8 เรื่องบูรณาการศาสตร์และศิลป์ งานวิจัยท้องถิ่นไทยและประชาคมอาเซียน, นครปฐม.
วนารัตน์ กรอิสรานุกูล นวลวรรณ ทวยเจริญ และสุนันต์ อ่วมกระทุ่ม. (2554). การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนธรรมชาติเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษาน้ำพุร้อนพระร่วง จังหวัดกำ แพงเพชร. การพัฒนาอนาคตชนบทไทย : ฐานรากที่มั่นคงเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน. การประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี 2554, มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สโมสรน้ำพุร้อนไทย. (2563). แหล่งน้ำพุร้อนในประเทศไทย.http://www.thaispaassociation.com/uploads/file/K.Preecha_11_Sep.pdf
สารภี ชนะทัพ เนตรนภา รักษายศ และนงลักษณ์ ผุดเผือก. (2564). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กรณีศึกษาน้ำพุร้อนท่าสะท้อน ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารวิทยาการจัดการ, 8(1). 61-79.
สุธิมา ลี้เพิ่มพานิช สุธางศ์รัตน์ แก้วสนั่น ธนภรณ์ ธัญญานนท์ สหัสยา ทองรวม รัญชิดา ทวีธรรม สุดารัตน์ เกษรินทร์ และจุฑาธิปต์ จันทร์เอียด. (2565). การพัฒนาศักยภาพของแหล่งน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง สำหรับการรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ. วารสารสหวิทยาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 6(6). 3319-3345.
Clark-Kennedy, J., & Cohen, M. (2017). Indulgence or therapy? Exploring the characteristics, motivations and experiences of hot springs bathers in Victoria, Australia. Asia Pacific Journal of Tourism Research, 22(5),501–511.
MGR Online. (2558, 29 พฤษจิกายน). ภาคเหนือ. นักท่องเที่ยวแห่แช่น้ำพุร้อน-น้ำแร่ธรรมชาติ บ้านสมอทอง เมืองอุทัย คึกคัก. Mgronline. http://lib.edu.chula.ac.th/fileroom/cu_formclipping/drawer006/general/data0013/00013005.pdf
Thansettakij. (2022). Health tourism Thai golden opportunity. https://www.thansettakij.com
Cochran, W.G. (1953). Sampling Techniques. John Wiley & Sons, Inc