ดุษฎีนิพนธ์งานวิจัยสร้างสรรค์ นวัตกรรมกระบวนแบบการขับร้อง โดยพันธวิทย์

บทคัดย่อ

นวัตกรรมกระบวนแบบการขับร้อง โดยพันธวิทย์ เป็นดุษฎีนิพนธ์วิจัยสร้างสรรค์ที่นําเสนอการปรับเปลี่ยนในการขับร้องทั้งด้านวิธีคิดและการปฏิบัติ สร้างจุดยืนใหม่ของการขับร้องให้มองเห็นปัญหาในการขับร้องที่ยังไม่เคยถูกสํารวจมาก่อน ให้ความสําคัญกับลักษณะเฉพาะตัวของนักร้องและโครงสร้างร่างกายที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้ฝึกสามารถย่นระยะเวลาในการฝึกซ้อมได้อย่างมีนัยสําคัญ  ทั้งนี้ ยังมีการขยายขอบเขตแนวคิดและการฝึกฝนทางกายภาพในการขับร้อง เป็นผลให้ผู้ฝึกสามารถปลดข้อจำกัดทางความคิดและร่างกายให้แสดงประสิทธิภาพที่สูงขึ้น งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากระบวนการขับร้องเฉพาะบุคคลที่มีระบบแบบแผน เพื่อใช้เป็นแนวทางสากลสำหรับการฝึกซ้อมและการเรียนการสอนขับร้องและเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในส่วนของระบบลมหายใจ ระบบการใช้เส้นเสียง ระบบการวางรูปทรงและตำแหน่งของลิ้น และระบบการก้องสะท้อนเสียง โดยมีขอบเขตการสร้างสรรค์เป็นการค้นคว้าเกี่ยวกับหลักการทางการขับร้อง หลักการทางวิทยาศาสตร์ และหลักการทางกายวิภาคศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการขับร้องในทั้ง 4 หัวข้อ เพื่อจัดทำขึ้นเป็นนวัตกรรมทางการขับร้องและการนำเสนองานวิจัยในรูปแบบของการบรรยาย การขับร้องเดี่ยว การขับร้องประสานเสียง และการแสดงชุดละครเพลงและอุปรากร

กระบวนแบบใหม่นี้มีกระบวนการศึกษาค้นคว้าจากการศึกษาตำราการขับร้องต้นแบบที่มีมาแล้ว ร่วมกับการศึกษาการขับร้องจากนักร้องต้นแบบ ผนวกกับการศึกษาในกลไกการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและอวัยวะของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการเปล่งเสียง รวมไปถึงหลักการกำเนิดเสียง หลักการทางแรงดันอากาศ และหลักการทางกลศาสตร์ของไหลเบื้องต้น ควบคู่ไปกับการทดลองผ่านการฝึกปฏิบัติการขับร้องโดยผู้วิจัยและนักศึกษาจากสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาทั้งเอกขับร้องและเอกเครื่องดนตรีอื่นก่อนประมวลและสร้างสรรค์เป็นกระบวนการขับร้องในรูปแบบของผู้วิจัยที่มุ่งเน้นการอธิบายขั้นตอนและกลไกการทำงานที่เชื่อมโยงของอวัยวะและกล้ามเนื้ออย่างละเอียดและแยกย่อยเป็นส่วน ๆ และวิธีการสร้างเสียงอย่างมีเหตุผล รวมถึงกระบวนการที่อยู่เบื้องหลังขั้นตอนการผลิตเสียง

ในกระบวนแบบใหม่นี้มีการสร้างองค์ความรู้ทางการขับร้องทั้งหมด 4 ส่วน คือ 1) ระบบการหายใจปฏิพากย์ นวัตกรรมส่วนกระบวนการหายใจ เพื่อจัดเก็บและจัดการการใช้ลมหายใจในการขับร้องให้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพรองรับการผลิตเสียงร้องที่มีกำลังอย่างเป็นธรรมชาติ 2) ระบบการทำงานของเส้นเสียงเพื่อผลิตเสียงตั้งต้น นวัตกรรมส่วนการผลิตเสียงตั้งต้นเพื่อบังคับควบคุมการทำงานของเส้นเสียงอย่างละเอียดอ่อนและแม่นยำ เพื่อใช้ในการผลิตเสียงตั้งต้นให้มีคุณภาพกังวานใส 3) ระบบการวางตำแหน่งลิ้นเพื่อสร้างเป็นฝายกักลมในช่องคอและช่องปาก นวัตกรรมส่วนการบังคับควบคุมการเคลื่อนไหวของกระแสลมหายใจและเสียงร้องภายในช่องคอและช่องปากให้สามารถเดินทางผ่านได้อย่างไม่ติดขัด และ 4) ระบบการรวบรวมและสะสมเสียงก้องสะท้อน นวัตกรรมส่วนการกักเก็บและการขยายเสียงร้องให้สามารถขับความดังและความก้องของเสียงร้องอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผลการวิจัยแสดงถึงกระบวนแบบใหม่ซึ่งสวนทางกับกระบวนทัศน์ดั้งเดิม แต่ให้ประสิทธิผลสูงในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากทั้งในมุมของการฝึกฝนและวิธีคิด โดยผู้วิจัยได้นําเสนอผลการวิจัยในรูปแบบของการบรรยาย การขับร้องเดี่ยว การขับร้องหมู่บทเพลงที่คัดมาจากบทเพลงขับร้องประสานเสียง ละครเพลงและอุปรากร ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2568 ณ ห้องแสดงสังคีตวัฒนา สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา การนำเสนอในรูปแบบดังกล่าวไม่เพียงแต่แสดงผลเชิงปฏิบัติแล้วยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่มีความสอดคล้องกันของนวัตกรรม ในส่วนผลการฝึกซ้อมของผู้วิจัยและนักศึกษาที่ทดลองพบว่า กระบวนแบบใหม่สามารถปรับใช้ได้กับการขับร้องทุกประเภท สามารถปรับเข้ากับผู้สนใจในการขับร้องทุกเพศทุกวัย และรองรับการสร้างสรรค์การบังคับควบคุมเสียงร้องในการขับร้องได้อย่างสมบูรณ์ทุกมิติ

สามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่ากระบวนแบบใหม่นี้เป็นผลงานการสร้างสรรค์ที่สำคัญด้วยแนวทางการผสานความรู้เชิงทฤษฎีเข้ากับรายละเอียดเป็นส่วน ๆ ในการประยุกต์ใช้เชิงปฏิบัติ และการนำเสนอแนวทางใหม่ในการขับร้องทั้งด้านแนวคิดและการปฏิบัติ นวัตกรรมนี้จึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อใช้ในการพัฒนาการขับร้องและความเข้าใจทางการขับร้อง รวมถึงเป็นแนวทางการฝึกฝนในวงกว้างต่อไป ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานวิจัยชิ้นนี้จะสามารถสร้างผลกระทบและแรงกระเพื่อมอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จากความยืดหยุ่นและความลื่นไหลในการปรับใช้กับนักร้องและบทเพลงที่มีความหลากหลาย และศักยภาพของนวัตกรรมในการเป็นเครื่องมือในการปรับการเรียนการสอนการขับร้องในวงกว้าง อีกทั้งยังมุ่งหวังว่างานวิจัยชิ้นนี้จะจุดประกายพัฒนาการในการขับร้องอย่างสร้างสรรค์ มีการบูรณาการความรู้จากศาสตร์แขนงอื่นเพื่อนำมาพัฒนาและต่อยอดศาสตร์การขับร้องในแง่มุมใหม่ ๆ ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง