แนวทางการพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
คำสำคัญ:
ความเห็นอกเห็นใจผุู้อื่น, นักศึกษาครู, มหาวิทยาลัยราชภัฏบทคัดย่อ
งานวิจัยเชิงสำรวจนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักศึกษาครูมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (2) เปรียบเทียบความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักศึกษาครู จำแนกตามเพศ และกลุ่มสาขาวิชา และ (3) เสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักศึกษาครู กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักศึกษาครูมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 170 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตรประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเที่ยง แบบสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคทั้งฉบับเท่ากับ 0.985 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติเชิงสรุปอ้างอิง ได้แก่ การทดสอบทีสำหรับสองกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระจากกัน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า (1) นักศึกษาครูมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (M = 3.56, SD = 0.61) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมากเช่นกัน โดยด้านการตระหนักถึงความคิดเห็นของกลุ่ม มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (M = 3.60, SD = 0.66) ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการรู้จักส่งเสริมผู้อื่น (M = 3.51, SD = 0.67) (2) นักศึกษาครูมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นไม่แตกต่างกันตามเพศ และ กลุ่มสาขาวิชา และ (3) แนวทางในการพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักศึกษาครู สรุปได้แนวทาง 5 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) การฝึกฝนทักษะการรับรู้และเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น 2) การส่งเสริมความรู้สึกร่วม 3) การพัฒนาและฝึกฝนทักษะการฟังอย่างมีคุณภาพ 4) การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เน้นการร่วมมือและการสนับสนุน และ 5) การส่งเสริมการฝึกทักษะการช่วยเหลือและการแสดงออกอย่างเห็นอกเห็นใจ
เอกสารอ้างอิง
กนกพิชญ์ อุ่นคง. (2567). ให้เด็กลอง “สวมรองเท้าของคนอื่น” วิธีเติมเต็ม Empathy ในห้องเรียนของครูนักปรัชญา. (ออนไลน์), เข้าถึงได้จาก: https://thepotential.org/creative-learning/empathy-in-the-classroom/ (2567, 18 มิถุนายน).
ปทิตตา เตจะวัน และณัฐกานต์ ประจัญบาน. (2567). การพัฒนาเครื่องมือวัดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของครูระดับขั้นพื้นฐานของประเทศไทย. วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์. 9(12): 549 - 562.
ธีรพัฒน์ วงศ์คุ้มสิน. (2564). การพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนิสิตจิตวิทยามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดยโปรแกรมการให้คำปรึกษาแบบกลุ่ม. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 47(1): 75 - 98.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
มูลนิธิยุวพัฒน์. (2566). Empathy การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น. (ออนไลน์), เข้าถึงได้จาก: https://www.yuvabadhanafoundation.org/th. (2567, 2 พฤศจิกายน).
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2567). สถิติข้อมูลนักศึกษา. (ออนไลน์), เข้าถึงได้จาก: http://acad.vru.ac.th/about_acad/ac_StudentActive.php. (2567, 10 สิงหาคม).
ลิขิต เหง้ามูล. (2564). ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา. (2565). เข้าใจบริบทของผู้เรียนด้วย Empathy. (ออนไลน์), เข้าถึงได้จาก: https://research.eef.or.th/empathy/. (2567, 10 สิงหาคม).
อิชยา จีนะกาญจน์ และชุลีวัลย์ รักษาภักดี. (2566). การเห็นอกเห็นใจ: ศิลปะแห่งการอยู่ร่วมกัน. วารสารวิจัยราชภัฏกรุงเก่า. 10(2): 169 - 179.
Cristobal, E., Flavián, C., & Guinaliu, M. (2007). Perceived e-service quality (PeSQ) Measurement validation and effects on consumer satisfaction and web site loyalty. Managing service quality: An international journal. 17(3): 317-340.
Goleman, D. (1998). Working with emotional intelligence. New York: Bantam Books.
Nunnally, J. C. (1967). Psychometric theory. New York: McGraw-Hill.
Nunnally, J. C. & Bernstein, I. H. (1994). Psychometric theory. (3rd ed.). New York: McGraw Hill.
Thompson A., R. (2003). Counseling Techniques: Improving Relationships with Others, Ourselves, Our Families and Our Environment. (2nd ed). New York: Brunner-Rutledge.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 เมษา นวลศรี, กุลชาติ พันธุวรกุล

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ เป็นความคิดเห็นของผู้นิพนธ์แต่ละท่าน มิใช่เป็นทัศนะและมิใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการจัดทำวารสาร และ
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์