การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานกระบวนวิชาหลักและวิธีการสอนบาสเกตบอล เพื่อส่งเสริมทักษะกีฬาบาสเกตบอล สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา
คำสำคัญ:
รูปแบบการจัดการเรียนรู้, การเรียนรู้แบบผสมผสาน, กระบวนวิชาหลักและวิธีการสอนบาสเกตบอลบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนการสอนกระบวนวิชาหลักและวิธีการสอนบาสเกตบอลในชั้นเรียนปกติแบบเผชิญหน้า และแบบผสมผสาน ที่จัดการเรียนรู้แบบเผชิญหน้าและแบบออนไลน์ 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบผสมผสาน กระบวนวิชาหลักและวิธีการสอนบาสเกตบอล เพื่อส่งเสริมทักษะกีฬาบาสเกตบอล 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานที่พัฒนาขึ้น และ 4) เพื่อประเมิน ความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยมี 4 ขั้นตอน ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันของการจัดการเรียนการสอนกระบวนวิชาหลักและวิธีการสอนบาสเกตบอล กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 51 คน และผู้ให้สัมภาษณ์ จำนวน 5 คน เครื่องมือวิจัยได้แก่ 1) แบบสอบถาม และ 2) แบบสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาและหาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เครื่องมือวิจัยได้แก่ 1) แบบประเมินองค์ประกอบ และ 2) แบบประเมินเอกสาร ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบการจัด การเรียนรู้แบบผสมผสานกับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 30 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยได้แก่ 1) แบบทดสอบความรู้ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .05 และ 2) แบบทดสอบทักษะกีฬาบาสเกตบอล ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .05 ขั้นตอนที่ 4 ประเมินความพึงพอใจการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยสอบถามกับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที แบบ Dependent Samples t-test และวิเคราะห์เนื้อหาเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบันการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนปกติแบบเผชิญหน้าและแบบออนไลน์ กระบวนวิชาหลักและวิธีการสอนบาสเกตบอล โดยรวมอยู่ในระดับมาก แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานพบว่า เนื้อหาต้องมีความทันสมัยตรงตามวัตถุประสงค์ ใช้เทคโนโลยีและสื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ ที่หลากหลาย และสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน อันเป็นการจัดการเรียนรู้ ในชั้นเรียนปกติแบบเผชิญหน้าและแบบออนไลน์ ที่เรียกว่า IKCPP MODEL ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นเข้าสู่บทเรียน (Introductory) 2) ขั้นแลกเปลี่ยนสร้างองค์ความรู้ (Knowledge sharing) 3) ขั้นตรวจสอบความเข้าใจ (Checking Understanding) 4) ขั้นสร้างชิ้นงานใหม่ (Product design) 5) ขั้นสะท้อนความคิด (Process of reflection) ผลการประเมินรูปแบบและเอกสารประกอบการจัด การเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยรวมอยู่ในระดับมาก
3. ผลสัมฤทธิ์จากการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน ผลการทดสอบความรู้ พบว่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการทดสอบทักษะกีฬาบาสเกตบอลพบว่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานในชั้นเรียนปกติแบบเผชิญหน้าและแบบออนไลน์ ในด้านเนื้อหาการจัดการเรียนรู้ ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อและแหล่งการเรียนรู้ และด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
จินตวีร์ คล้ายสังข์. (2555). Desktop Publishing สู่ e-book เพื่อส่งเสริมการใฝ่รู้ของผู้เรียนยุคดิจิทัล. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ฉัฐรส บัญชาชาญชัย. (2540). การสร้างแบบประเมินและแบบทดสอบทักษะกีฬาบาสเกตบอล สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
ทิศนา แขมมณี. (2553). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 11). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิริยา บุญชัย. (2529). การทดสอบและการวัดผลทางพลศึกษา. ไทยวัฒนาพานิช.
Bandura, A. (1977). Social learning theory. Prentice-Hall.
Bergmann, J., & Sams, A. (2012). Flip your classroom: Reach every student in every class every day. International Society for Technology in Education.
Black, P., & Wiliam, D. (1998). Assessment and classroom learning. Assessment in Education, 5(1), 7 - 74.
Bonwell, C. C., & Eison, J. A. (1991). Active learning: Creating excitement in the classroom (ASHE-ERIC Higher Education Report No. 1). George Washington University.
Felder, R. M., & Silverman, L. K. (1988). Learning and teaching styles in engineering education. Engineering Education, 78(7), 674 - 681.
Fitts, P. M., & Posner, M. I. (1967). Human performance. Brooks/Cole.Press.
Fleming, N. D., & Mills, C. (1992). Not another inventory, rather a catalyst for reflection. To Improve the Academy, 11(1), 137 - 155.
Graham, C. R. (2006). Blended learning systems: Definition, current trends, and future directions. In C. J. Bonk & C. R. Graham (Eds.), The handbook of blended learning: Global perspectives, local designs (pp. 3-21). Pfeiffer.
Hattie, J., & Timperley, H. (2007). The power of feedback. Review of Educational Research, 77(1), 81 - 112.
Herzberg, F. (1966). Work and the nature of man. World Publishing Company.
Keller, J. M. (2010). Motivational design for learning and performance: The ARCS model approach. Springer.
Kuh, G. D. (2009). What student affairs professionals need to know about student engagement. Journal of College Student Development, 50(6), 683 - 706.
Magill, R. A. (2011). Motor learning and control: Concepts and applications (9th ed.). McGraw-Hill.
Mayer, R. E. (2009). Multimedia learning (2nd ed.). Cambridge University Press.
Means, B., Toyama, Y., Murphy, R., Bakia, M., & Jones, K. (2013). Evaluating evidence-based practices in online learning: A meta-analysis and review of online learning studies. US Department of Education.
Mueller, J. (2005). The authentic assessment primer. North Central Regional Educational Laboratory.
Peters, K. (2007). m-Learning: Positioning educators for a mobile, connected future. International Review of Research in Open and Distributed Learning, 8(2), 1 - 17.
Schmidt, R. A., Lee, T. D., Winstein, C., Wulf, G., & Zelaznik, H. N. (2018). Motor control and learning: A behavioral emphasis. Human kinetics.
Schön, D. A. (1983). The reflective practitioner: How professionals think in action. Basic Books.
Simon, M., & Forgette-Giroux, R. (2001). A rubric for scoring postsecondary academic skills. Practical Assessment, Research & Evaluation, 7(18), 1 - 4.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ผกามาศ รัตนบุษย์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ เป็นความคิดเห็นของผู้นิพนธ์แต่ละท่าน มิใช่เป็นทัศนะและมิใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการจัดทำวารสาร และ
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์