วรรณกรรมคำสอนเขมร ฉบับเกรกาล สู่ ฉบับเกรกาลใหม่

Main Article Content

ณภัทร เชาว์นวม

บทคัดย่อ

คำว่า ច្បាប់​ (จฺบาบ่) หรือ ฉบับ ในทางวรรณกรรมเขมรเป็นหมวดหนึ่งของวรรณกรรมคำสอน ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22-25 ปรากฏวรรณกรรมประเภทฉบับจำนวนหลายเรื่อง โดยปรากฏเรื่อง ฉบับเกฺรกาล และ ฉบับเกฺรกาลใหม่ เป็นวรรณกรรมคำสอนที่ใช้ชื่อเหมือนกัน โดยเพิ่มเติมคำว่า ថ្មី แปลว่า ใหม่ ขึ้นมา บทความวิชาการนี้จึงมุ่งศึกษาวรรณกรรมคำสอนเรื่อง ฉบับเกรกาล และ ฉบับเกรกาลใหม่​ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบลักษณะร่วมและความสัมพันธ์ของวรรณกรรมทั้งสองเรื่องดังกล่าว ปรากฏผลการศึกษาดังนี้


  1. ผลการศึกษาประวัติและฉันลักษณ์ ได้ข้อสันนิษฐานว่า ฉบับเกรกาลแต่งขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 โดยไม่ปรากฏผู้แต่ง ส่วนเรื่องฉบับเกรกาลใหม่ มีการระบุปีที่แต่งและผู้แต่ง คือ พ.ศ. 2465 ตรงกับช่วง พุทธศตวรรษที่ 25 โดย พระภิรมย์ภาษาอู หรือ กรมงุย วรรณกรรมคำสอนทั้งสองเรื่องใช้ฉันลักษณ์ประเภทเดียวกันคือบทพรหมคีติ ซึ่งเป็นฉันลักษณ์ที่พบได้ในวรรณกรรมคำสอนบางเรื่องเท่านั้น เมื่อเทียบกับวรรณกรรมคำสอนร่วมสมัยเรื่องอื่น ๆ ที่นิยมใช้บทกากคติเป็นฉันลักษณ์ในบทประพันธ์

  2. ผลการศึกษาการดำเนินเนื้อหา ฉบับเกรกาล ส่วนนำกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการแต่งแต่ไม่ได้ระบุช่วงเวลาการแต่งและไม่ได้ระบุว่าใครคือผู้แต่ง และเริ่มต้นข้อคำสอนด้วยการแนะนำข้อควรปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมแล้วจึงแสดงข้อคำสอนต่าง ๆ เนื้อหาส่วนท้ายกล่าวเน้นย้ำให้บุตรหลานจดจำคำสอน ส่วน ฉบับเกรกาลใหม่ เนื้อหาส่วนนำปรากฏวัตถุประสงค์การแต่ง ช่วงเวลาที่แต่งและระบุว่านำต้นเค้ามาจาก ฉบับเกรกาล และเริ่มต้นข้อคำสอนด้วยการกล่าวถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม ส่วนท้ายตัวบทผู้แต่งเน้นย้ำให้ลูกหลานจดจำและนำข้อคำสอนไปใช้ ระบุผู้แต่ง จบเนื้อหาด้วยการตั้งจิตอธิษฐานของผู้แต่ง โดยปรากฏแนวคิดหลักของข้อคำสอนสอดคล้องกัน

  3. ผลการศึกษาการใช้คำบ่ง ‘ไม่ให้ทำ’ และ ‘ให้ทำ’ พบว่าปราฏการใช้คำว่า อย่า มากกว่าคำว่า ควร เป็นสิ่งสะท้อนขนบการใช้คำบ่ง ‘ไม่ให้ทำ’ มากกว่า ‘ให้ทำ’ ทว่าเมื่อพิจารณาสัดส่วนการใช้คำบ่งดังกล่าว จาก ฉบับเกรกาล สู่ ฉบับเกรกาลใหม่ ปรากฏใช้คำว่า ควร ในสัดส่วนที่มากขึ้น เป็นสิ่งแสดงถึงพลวัตทางภาษาที่ปรากฏในวรรณกรรมคำสอนทั้งสองเรื่องนี้     

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการนำต้นเค้าวรรณกรรมคำสอนที่มีอยู่เดิมมาประพันธ์ใหม่ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ผู้แต่งที่เป็นปราชญ์ย่อมพิจารณาในข้อนี้ จึงสร้างสรรค์ผลงานเรื่องใหม่ที่มีรายละเอียดสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งลักษณะเด่นตลอดจนแนวคิดหลักของวรรณกรรม 


 

Article Details

How to Cite
เชาว์นวม ณ. (2022). วรรณกรรมคำสอนเขมร ฉบับเกรกาล สู่ ฉบับเกรกาลใหม่ . Journal of Variety in Language and Literature, 6(1), 235–249. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/wiwitwannasan/article/view/255596
บท
บทความวิชาการ/บทความวิจัย

References

References

Bandhumedha, B. (1982). Ditionary of Khmer-Thai, Vols 1-5. Bangkok: Rungrueangsan. (In Thai)

Bunkhoi, S. (2015). Khmer Literature. Bankok: Fine Art Department. (In Thai)

Johny (pseudonym). (2022, March 20). ច្បាប់កេរកាល បទព្រហ្មគីតិ. Wat Khemeraratanaram. Retrieved from https://watkhmers.org/ច្បាប់កេរកាល. (In Khmer)

Khing Hoc Dy (2003) Development of Khmer Literature. Phnom Penh. AIK. (In Khmer)

Khing Hoc Dy (ed.). (2007). Khamfaktamat. Phnom Penh: Ankor Baookshop. (In Khmer)

Ly-Theam Teng (1960) Khmer Literature. Phnom Penh. Seng Nguan Huat. (In Khmer

Ouk Ou. (1972). ច្បាប់កេរកាលថ្មី in Khamfak KromNgoy. Phmom Penh: Buddhist Institute. (In Khmer)

Phakdeekham, S. (2007). Relationship of Thai-Khmer Literature. Bangkok: Armarin. (In Thai)

Royal Institute. (2013). Royal Institute Dictionary. A.D. 2011, (2nd ed.). Bangkok: Royal Institute. (In Thai)

Royal Institute. (2017). Dictionary of Literary Terms (2nd ed.). Bangkok: Royal Institute Office. (In Thai)

Salee, B. (2008). Contemporary Khmer Literature. Mahasarakham: Aphichat. (In Thai)

Songsin, P. (2010) . Khmer Dedactive Literature. Bangkok: Dhonburi Rajabhat University. (In Thai)

Yoojaroensuk, Y. (2016) “Cbap Phseng Phseng”:Genders in Khmer Didactic Literatures, Vannavidat, 15, 77-12.1 (In Thai)