ศึกษาการเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคมไทยผ่านบทเพลงไทยลูกทุ่ง

Main Article Content

พิทักษ์ เผือกมี

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ


          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ค่านิยมในสังคมไทยแต่ละยุค โดยผ่านบทเพลงไทยลูกทุ่ง (2) ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคมไทยแต่ละยุค โดยผ่านบทเพลงไทยลูกทุ่ง (3) ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการอนุรักษ์เพลงไทยลูกทุ่ง การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพใช้เทคนิคในการวิจัยคือ การวิจัยเอกสาร, การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา, การสัมภาษณ์เชิงลึก, การศึกษาประวัติชีวิต และการสนทนากลุ่ม ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาคือ เพลงไทยลูกทุ่งจำนวน 337 เพลง กลุ่มที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ ผู้ให้ข้อมูลหลักในการสัมภาษณ์เชิงลึกจำนวน 10 คน และผู้เชี่ยวชาญในการสนทนากลุ่มจำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวิเคราะห์ค่านิยมในสังคมไทยผ่านบทเพลงไทยลูกทุ่ง, แบบวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของค่านิยมในสังคมไทย, แบบสัมภาษณ์ และประเด็นในการสนทนากลุ่ม


          ผลการวิจัยพบว่า


          1. ค่านิยมทางจิตใจที่สะท้อนผ่านบทเพลงไทยลูกทุ่งทั้ง 4 ยุคนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบโดยใช้ยุคต้นเป็นหลัก จะพบว่าในยุคทองมีค่านิยมลดลงเมื่อเทียบกับยุคต้น โดยค่านิยมที่ไม่ปรากฏในยุคทองคือค่านิยมเรื่องความเท่าเทียมกัน และค่านิยมเรื่องความประหยัด ส่วนในยุคหางเครื่อง แสงสี คอนเสิร์ตค่านิยมลดลงเมื่อเทียบกับยุคต้น และยุคทองโดยค่านิยมที่ไม่ปรากฏคือ ค่านิยมเรื่องความเท่าเทียมกัน ค่านิยมเรื่องความประหยัด ค่านิยมเรื่องการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และค่านิยมเรื่องความสามัคคี สำหรับยุคดิจิทัล ค่านิยมลดลงไปจำนวนมากเมื่อเทียบกับทุกยุคที่ผ่านมา โดยค่านิยมที่ไม่ปรากฏในยุคดิจิทัลคือ ค่านิยมเรื่องความเอื้อเฟื้อ มีน้ำใจ เสียสละ ค่านิยมเรื่องความเท่าเทียมกัน ค่านิยมเรื่องความรักชาติ ค่านิยมเรื่องความประหยัด ค่านิยมเรื่องการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และค่านิยมเรื่องความสามัคคี


          2. ค่านิยมทางวัตถุที่สะท้อนผ่านบทเพลงไทยลูกทุ่งทั้ง 4 ยุคนั้นมีทั้งหมด 5 ค่านิยมคือ ค่านิยมเรื่องการชื่นชมความโอ่อ่า ฟุ้งเฟ้อ ค่านิยมเรื่องการวัดความเจริญของสังคมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งที่ทันสมัย ค่านิยมเรื่องการนิยมอาชีพที่ให้รายได้ดี ค่านิยมเรื่องการชื่นชมบุคคลร่ำรวยและมีชื่อเสียง และค่านิยมเรื่องการเสพความสุขด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เมื่อนำมาเปรียบเทียบโดยใช้ยุคต้นเป็นหลัก จะเห็นได้ว่าในยุคทองมีค่านิยมที่ไม่ปรากฏคือ ค่านิยมเรื่องการเสพความสุขด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ส่วนในยุคหางเครื่อง แสงสี คอนเสิร์ตค่านิยมที่ไม่ปรากฏคือ ค่านิยมเรื่องการนิยมอาชีพที่ให้รายได้ดี สำหรับยุคดิจิทัลค่านิยมที่ไม่ปรากฏคือ ค่านิยมเรื่องการนิยมอาชีพที่ให้รายได้ดี เหมือนกับยุคหางเครื่อง แสงสี คอนเสิร์ต


          3. ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคมไทยแต่ละยุคมีทั้งหมด 6 ปัจจัย ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือปัจจัยทางสังคม และปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดคือปัจจัยทางธรรมชาติ


          4. ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการอนุรักษ์เพลงไทยลูกทุ่ง พบว่าปัญหาและอุปสรรคมาจากบทเพลง นักร้อง นักแต่งเพลง ผู้ฟังเพลง สื่อสารมวลชน นายทุนและบริษัท รวมทั้งองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สำหรับข้อเสนอแนะคือให้แก้ไขปัญหา และอุปสรรคที่มาจากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น โดยร่วมมือกันอย่างบูรณาการ.

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

จตุพร ศิริสัมพันธ์ และสุรพล วิรุฬ์รักษ์. (2553). เพลงลูกทุ่ง ใน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสริมการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร: โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.

จินตนา ดำรงค์เลิศ. (2533). วรรณกรรมเพลงลูกทุ่ง : ขนบธรรมเนียมประเพณี ค่านิยม และการดำเนินชีวิตของชาวชนบทไทยที่ปรากฏในเพลงลูกทุ่งไทยตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองจนถึงปัจจุบัน. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ดำรง ฐานดี. (2559). การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมไทย. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

ผจงจิตต์ อธิคมนันทะ. (2554). การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

ไพบูลย์ สำราญภูติ. (2543). ราชานักแต่งเพลงลูกทุ่งไทย : ไพบูลย์ บุตรขัน. กรุงเทพมหานคร: บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).

ศิริพร กรอบทอง. (2547). วิวัฒนาการเพลงลูกทุ่งในสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร: เฟื่องฟ้า.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

สุนทรี พรหมเมศ. (2558). ทฤษฎีทางสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

Robert K. Merton. (1938). Social Structure and Anomie. American Sociological Review, 3(5), 672.