แนวทางการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคม ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นในการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน 2) เพื่อออกแบบแนวทางการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน 3) เพื่อประเมินแนวทางการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 ประจำปี 2566 จำนวน 332 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.60 – 1.00 ด้านสภาพปัจจุบัน มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.37 - 0.84 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.97 และด้านสภาพที่พึงประสงค์ มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.27 - 0.97 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และความต้องการจำเป็น (PNI modified) ระยะที่ 2 การออกแบบแนวทางการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน ใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างสัมภาษณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 จำนวน 5 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 3 การประเมินแนวทางการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบประเมินแนวทางเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย ด้านความเหมาะสมด้านความเป็นไปได้ และด้านความเป็นประโยชน์
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบันของการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และความต้องการจำเป็นของการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคม เรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ดังนี้ 1) ด้านมนุษยธรรม 2) ด้านกฎหมาย 3) ด้านเศรษฐกิจ 4) ด้านสิ่งแวดล้อม 5) ด้านธรรมาภิบาล
2. แนวการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของโรงเรียน ประกอบด้วย 1) ด้านเศรษฐกิจ จำนวน 3 แนวปฏิบัติ 2) ด้านกฎหมาย จำนวน 5 แนวปฏิบัติ 3) ด้านมนุษยธรรม จำนวน 4 แนวปฏิบัติ 4) ด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 4 แนวปฏิบัติ และ 5) ด้านธรรมาภิบาล จำนวน 7 แนวปฏิบัติ
3. ผลการประเมินแนวการบริหารสถานศึกษาโดยใช้แนวคิดความรับผิดชอบ ต่อสังคมของโรงเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านความเป็นไปได้ ด้านความเป็นประโยชน์ และด้านความเหมาะสม อยู่ในระดับมากมากที่สุด
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545. กรุงเทพ ฯ: คุรุสภา
กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). คู่มือการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์
องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
จอย ทองกล่อมสี. (2555). การพัฒนาตัวบ่งชี้ความรับผิดชอบต่อสังคมของสถาบันอุดมศึกษาไทยตาม
หลักธรรมาภิบาล. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาอุดมศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2547). ยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการ
ผลิตไทย. กรุงเทพฯ: วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร.
จินตนา บุญบงการ. (2558). จริยธรรมทางธุรกิจ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (ฉบับปรับปรุงใหม่). พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ประเสริฐ ทองบริสุทธิ์. (2559). การพัฒนาตัวบ่งชี้ความรับผิดชอบต่อสังคมของสถานศึกษา สังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหาร
การศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์.
ยศสราวดี กรึงไกร. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม
ของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. 6(4), ตุลาคม-
ธันวาคม.
ศิริวรรณ เสรีรัตน์, สมชาย หิรัญกิตติ, ธนวรรธ ตั้งสินทรัพย์ศิริ. (2550). การจัดการและพฤติกรรมองค์การ.
กรุงเทพฯ: ธีระฟิล์มและไซเท็กซ์.
สมพงษ์ ยิ่งเมือง. (2561). การศึกษาตัวบ่งชี้ความรับผิดชอบต่อสังคมของนักเรียน สังกัดองค์การบริหาร
ส่วนตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่. สุราษฎร์ธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2550). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพมหานคร: สานักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Bovee, C. L., Thill, J. V., Wood, M. B., & Dovel, G. P. (1993). Management. New York: McGrow-
Hill.
Carroll, A. B. (1991). The Pyramid of Corporate Social Responsibility: Toward the Moral
Management of Organization Stakeholders. Business Horizons. 34(4), 39-48.
Denzin, N.K. (1970). The research act: A theoretical introduction to sociological methods. Chicago: Aldine Publishing Co. อ้างถึงใน สินพันธุ์ พินิจ. (2549). เทคนิคการวิจัยทางสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์.
Likert, R. (1967). The human organization: Its management and value. New York: McGraw-
Hill.
International Organization for Standardization. The (ISO). (2010). ISO 26000: Guidance on
social Responsibility International Standard. Geneva: Intentional Organization for
Standardization.
Krejcie, R.V., & D.W. Morgan. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”.
Educational and Psychological Measurement. 30(3) : 607 – 610.
Post, J. E., Lawrence, A. T., & Water, J. (2005). Business and Society: Corporate Strategy,
Public Policy, Ethics. Boston: McGraw-Hill/Lrwin.