แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย

Main Article Content

จริญญา บาบุญ
ผศ.ดร.กฤตฏ์ ชมภูวิเศษ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา 2) เพื่อออกแบบแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา และ 3) เพื่อประเมินแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นการของการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดเลย จำนวน 337 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ด้านสภาพปัจจุบัน มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.37 - 0.88 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.96 และด้านสภาพที่พึงประสงค์ มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง          0.75 - 0.97 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและความต้องการจำเป็น (PNI modified) ระยะที่ 2 ออกแบบแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา ใช้การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างสัมภาษณ์ ผู้อำนวยการจากสถานศึกษาโดยการเลือกแบบเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 3 การประเมินแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบประเมินแนวทางเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย ด้านความเหมาะสม ด้านความเป็นไปได้ และด้านความเป็นประโยชน์


ผลการวิจัย พบว่า


  1. สภาพปัจจุบันของการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึงประสงค์ของการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก และความต้องการจำเป็นของการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา เรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ดังนี้ 1) ด้านความต้องการ 2) ด้านเป้าหมายการสร้างแรงจูงใจ 3) ด้านแรงขับ 4) ด้านการยอมรับนับถือโอกาสในการก้าวหน้า และ 5) ด้านสภาพสังคมในการทำงาน

  2. ผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา โดยการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง กลุ่มตัวอย่าง ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1) ด้านความต้องการ 2) ด้านเป้าหมายการสร้างแรงจูงใจ 3) ด้านแรงขับ 4) ด้านการยอมรับนับถือโอกาสในการก้าวหน้า และ 5) ด้านสภาพสังคมในการทำงาน

  3. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า 1) ด้านความเหมาะสม อยู่ในระดับมาก 2) ด้านความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมาก และ 3) ด้านความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด

คำสำคัญ: แนวทาง, สมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา, การสร้างแรงจูงใจ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
บาบุญ จ., & ชมภูวิเศษ ผ. (2025). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการสร้างแรงจูงใจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย. วารสารครุศาสตร์ปัญญา, 4(2), 1–13. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/IEJ/article/view/280970
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.

________. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจนถึง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.

กอบชัย มณีตัน. (2559). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์กับผลสำเร็จในการดำเนินงานตามพันธกิจของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี.

กิ่งแก้ว ทรัพย์พระวงศ์. (2540). จิตวิทยาทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

จอมพงศ์ มงคลวนิช. (2554). การศึกษาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน : การบริหารองค์การและบุคลากรทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: สถาบันเทคโนโลยีสยาม.

จันทร์ชุ่ม เมืองปัก. (2546). แรงจูงใจและการจูงใจสร้างปาฏิหาริย์. กรุงเทพฯ: ดอกหญ้ากรุ๊ป.

จันทรานี สงวนนาม. (2551), ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารสถานศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2,กรุงเทพฯ: บุ๊ค พอยท์.

ธนกฤต อัปกาญจน์. (2553). ลักษณะของงาน ความสนใจของพนักงาน และนโยบายและ เป้าหมายขององค์การที่พยากรณ์แรงจูงใจในการพัฒนาความก้าวหน้าใน สายอาชีพของพนักงาน: ศึกษาเฉพาะกรณีพนักงานของบริษัทริเวอร์แคว อินเตอร์เนชั่นแนล อุตสาหกรรม จํากัด. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.

นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2543). พรมแดนความร้ด้านการวิจัยและสถิติ. ชลบุรี : วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา.

นิธินาถ (สินธเดชะ) เตลาน. (2544). Competency. วารสารเอ็น พี ซี โฟกัส. 10 (52): 8-9.

บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น .พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

เพิ่มสุข อนันต์มั่งคั่ง.(2560). การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูโรงเรียนมารีวิทย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา.

วรพจน์ บุษราคัมวดี. (2552). องค์การและการจัดการ. ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏไลยลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์.

วรรณี ลิ่มอักษร. (2541). จิตวิทยาการศึกษา, สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ.

วรางคนา ชูเชิดรัตนา .(2562). แรงจูงใจในการพัฒนาความก้าวหน้าในสายอาชีพ การรับรู้ความยุติธรรมในองค์กร และความสามารถในการฟันฝ่าอุปสรรคที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญา บัณฑิตศึกษา สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.

วสันต์ เข็มทองคำ.(2559). แนวคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการจูงใจ. ttystesgoode.comlesite/psychologymcu5/ kar-cungci-phu-reiyn/4-2-thvsdi-raeng-cungci.

วัชรีพรรณ จันทร์หอม .(2561). พฤติกรรมการบริหารที่ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ของผู้บริหารโรงเรียนขยายโอกาส จังหวัดเชียงราย. วิทยนิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชามนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ และศิลปะ: มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). คู่มือและชุดฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาแนวใหม่ ตามแนวปฏิบัติการศึกษาในทศวรรษที่ 2: การอบรมแบบผสมผสาน. กรุงเทพฯ: ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2563). แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ฉบับปรับปรุงตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร): http://www.bps.moe.go.th/2018/7cat=101

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). รายงานผลการวิจัยและพัฒนากรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น สำหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : 21 เซ็นจูรี่ จำกัด.

สุรางค์ โค้วตระกูล. (2550). จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุวิมล ว่องวาณิช. (2550). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อรวรรณ ภัทรดำเนินสุข.(2564). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

Alderfer, C. P. (1972). Existence: Relatedness and growth, human needs in organizational setting. New York: Free Press.

Barnard, C. I.(1974). The Functions of the Executive (30th Anniversary ed.). Cambridge; MA: Harvard University.

Herzberg, Frederick; Mausner, Bernard; and Synderman, Block. (1959). The Motivation to Work. New York: John Wiley.

Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.

Maslow A.H. (1954). A Theory of Human Motivation. Originally Published in Psychological Review, 50, 370-396.

Mc Clelland, D.C., & et al. (1953). The Achievement Motive. New York: Appleton- Century Croffs.

Northouse, P. G. (2016). Adaptive Leadership in Leadership: Theory and Practice (7th ed.). California: SAGE Publication

Vroom, V. H. (1970). Work and Motivation. New York: John Willey & Son.