การพัฒนาสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมโดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดจิตวิทยาเชิงบวกรูปแบบ PERMA ร่วมกับแอปพลิเคชัน Wooclap รายวิชา ส 14102 ประวัติศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมโดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดจิตวิทยาเชิงบวกรูปแบบ PERMA ร่วมกับแอปพลิเคชัน Wooclap รายวิชา ส 14102 ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีผลการประเมินสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมอยู่ในระดับ 5 สามารถขึ้นไป และ 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดจิตวิทยาเชิงบวกรูปแบบ PERMA ร่วมกับแอปพลิเคชัน Wooclap รายวิชา ส 14102 ประวัติศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีจำนวนนักเรียนร้อยละ 70 มีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขึ้นไป กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 คน รูปแบบการวิจัยเป็นวิจัยเชิงปฏิบัติการ จำนวน 3 วงจรปฏิบัติการ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 8 แผน เวลา 10 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการวิจัยประกอบด้วยแบบบันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสัมภาษณ์นักเรียน แบบประเมินสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม แบบทดสอบท้ายวงจร และ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการวิจัย ประกอบด้วย แบบประเมินสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมโดยรวม และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดย หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) นักเรียนมีสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมผ่านเกณฑ์จำนวน 10 คน อยู่ในระดับ 5 สามารถขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 2) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขึ้นไป จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด โดยมีคะแนนเฉลี่ย 23.20 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 77.20 ของคะแนนเต็ม ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
กาญจนา แก้วสนิท. (2554). โลกาภิวัฒน์กับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย. ค้นเมื่อ 10
มีนาคม 2567, จาก https://www.law.cmu.ac.th
ธนวรรณ อิสโร. (2554). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ และทักษะการคิดอย่างมี วิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการกับการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้ 7 ขั้น. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. การมัธยมศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
เพิ่มสุข อนันต์มั่งคั่ง. (2560). การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูโรงเรียนมารีวิทย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3. วิทยานิพนธ์หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการ บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา.
ลาวัณย์ วิทยาวุฑฒิกุล. (2533). การสอนสังคมในโรงเรียนมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุนันทา เลาหนันทน์. (2540). การสร้างทีมงาน. กรุงเทพฯ: ดี.ดี.บุ๊คสโตร์.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2564). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐานในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ. กรุงเทพฯ : สกศ.
วินัย พงศ์ศรีเพียร. (2543). คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ :
การศาสนา.
อาทิติยา นิลพัฒน์ และเจษฎา ราษฎร์นิยม. (2565). ผลการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ร่วมกับเทคนิค 5W1H และแอปพลิเคชัน Wooclap ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิชาการ
ครุศาสตร์สวนสุนันทา, 1(2), 71-83.
CBE Thailand. (2564). ค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2567, จาก https://cbethailand.com/
Maslow & Abraham H. (1954). Motivational and Personality. New York : Harper and Brother.
Seligman, M., & Csikszentmihalyi, M. (2000). Positive Psychology: An Introduction. American Psychologist, 55(1), 5-14.