รูปแบบการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ที่ส่งผลต่อความพิทักษ์ รักชาติของนักเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพปัญหา และแนวทางการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ 2) พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ 4) ประเมินรูปแบบการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบของรูปแบบการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ที่ส่งผลต่อความพิทักษ์ รักชาติ ของนักเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2 ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบาย ด้านการมีส่วนร่วม ด้านหลักสูตร ด้านบุคลากร และด้านการจัดการเรียนรู้ 2) รูปแบบการบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ที่ส่งผลต่อความพิทักษ์ รักชาติของนักเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2 ที่ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 บทนำ ส่วนที่ 2 กระบวนการดำเนินงานของรูปแบบ ส่วนที่ 3 การประเมินผล และส่วนที่ 4 เงื่อนไขการนำไปใช้ 3) ผลการใช้รูปแบบด้านกระบวนการบริหารจัดการ มีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบาย พบว่า มีนโยบายการบริหารจัดการลูกเสือสามัญจำนวน 7 ข้อ ซึ่งสามารถดำเนินการได้บรรลุเป้าหมายทั้งหมด ด้านการมีส่วนร่วม พบว่า มีการสนับสนุนจากเครือข่ายผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 คน ที่มีบทบาทขับเคลื่อนกิจกรรมลูกเสือในระดับพื้นที่ ด้านหลักสูตร พบว่า มีหลักสูตรลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่พิทักษ์ รักชาติ ที่ประกอบด้วย 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ บทนำ โครงสร้าง รายวิชา กิจกรรมเสริมสร้างคุณลักษณะ และการประเมินผล ด้านบุคลากร พบว่า มีผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรจำนวน 80 คน และมีการจัดตั้งสโมสรลูกเสือ รวมถึงการลงนาม MOU ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในจังหวัดชลบุรีเพื่อส่งเสริมความรักชาติอย่างยั่งยืน และด้านผลผลิตของการดำเนินงาน ระดับความพิทักษ์ รักชาติของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่หลังเข้าร่วมกิจกรรมอยู่ในระดับมาก ความแตกต่างของระดับความรักชาติก่อนและหลังใช้หลักสูตรมีความแตกต่างกันในระดับปานกลาง และความพึงพอใจต่อหลักสูตรของผู้บริหาร ครูผู้กำกับ ลูกเสือ และผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากทุกด้าน 4) ผลการประเมินความเหมาะสม และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการบริหารจัดการลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ที่ส่งผลต่อความพิทักษ์ รักชาติ ของนักเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2 พบว่า ความเหมาะสม และความเป็นประโยชน์ทุกด้านอยู่ในระดับมาก
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กษมา ชนะวงศ์. (2564). รูปแบบการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมคุณลักษณะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนโรงเรียนเอกชน. หลักสูตรการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ชุติมาภรณ์ ค้าขาย. (2562). อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ต่อพฤติกรรมเบี่ยงเบนของเด็กและเยาวชนในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์, 27(2), 194-227.
บุญชม ศรีสะอาด. (2554).การวิจัยเบื้องต้น.กรุงเทพฯ : บริษัท สุวีริยาสาส์น จำกัด.
พจนา วลัย. (2557). การศึกษาไทยกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงทางสังคม : การสร้างประชาธิปไตยในห้องเรียน. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน.
ราชกิจจานุเบกษา. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545, ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553 และฉบับที่ 4 พ.ศ. 2562.
ศุภฤกษ์ ศิโรทศ. (2561). แนวทางการบริหารงานกิจกรรมลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5. หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
สํานักงานลูกเสือแห่งชาติ. (2551). พระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551. เอกสารเผยแพร่และประชาสัมพันธ์. กรุงเทพฯ: สํานักงานลูกเสือแห่งชาติ.
สำนักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน. (2557). แนวทางการพัฒนาหลักสูตรการจัด. กิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา พ.ศ. 2552. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 2. (2567). แผนพัฒนาการศึกษา พ.ศ. 2566 – 2570 (ฉบับปรับปรุงปีงบประมาณ พ.ศ. 2567). https://www.chon2.go.th/news/images/Ducument/2566/plan2566_2570.pdf
