การศึกษาองค์ประกอบของร่างกายและภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร์)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของร่างกาย 2) ศึกษาภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน 3) ประเมินความเชื่อมั่นของเครื่องวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย TANITA รุ่น MC-780 MA โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร์) ปีการศึกษา 2567 จำนวน 123 คน โดยใช้รูปแบบการศึกษาแบบตัดขวาง (Cross-sectional Study) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) เครื่องวัดองค์ประกอบของร่างกาย Body Composition Analyzer ยี่ห้อ TANITA รุ่น MC-780 MA 2) แบบบันทึกผลตรวจร่างกายด้วยเครื่อง Body Composition Analyzer วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานขององค์ประกอบของร่างกาย และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ภายในชั้น (Intraclass Correlation Coefficient: ICC) เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของเครื่องวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบของร่างกายของนักเรียนชายมีปริมาณไขมันและมวลกล้ามเนื้อมากกว่านักเรียนหญิง ทั้งในเชิงร้อยละและน้ำหนัก 2) นักเรียนชายมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เฉลี่ยเท่ากับ 20.92 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ซึ่งจัดอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักเกิน นักเรียนหญิงมีค่าเฉลี่ย BMI เท่ากับ 18.08 กิโลกรัมต่อตารางเมตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ และ 3) เครื่องวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย TANITA รุ่น MC-780 MA มีความเชื่อมั่นในการวัดซ้ำอยู่ในระดับดีเยี่ยม โดยสามารถวัดค่าองค์ประกอบของร่างกาย ได้แก่ น้ำหนัก ไขมัน มวลกล้ามเนื้อ และดัชนีมวลกาย ได้อย่างสม่ำเสมอและแม่นยำ ผลการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ภายในชั้น มีค่าระหว่าง .998 ถึง .999 ในทุกตัวแปร จากผลการวิจัยสรุปได้ว่านักเรียนชายมีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินมากกว่านักเรียนหญิง โรงเรียนควรมีการเฝ้าระวังภาวะโภชนาการ จัดกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย และให้ความรู้เรื่องโภชนาการที่เหมาะสม นอกจากนี้ เครื่องวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย TANITA รุ่น MC-780 MA สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือในการคัดกรองและติดตามสุขภาพนักเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการวางแผนด้านสุขภาพในระดับสถานศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่อไป
คำสำคัญ: องค์ประกอบของร่างกาย, ภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน, เครื่องวิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกาย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมพลศึกษา. (2559). คู่มือแบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐาน สมรรถภาพทางกายของเด็ก เยาวชนและ
ประชาชนไทย. กรุงเทพฯ: สำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา.
กองกีฬา สำนักสวัสดิการทหารไทย กองบัญชาการกองทัพไทย. (2564). เครื่องตรวจวัดองค์ประกอบ ภายในร่างกาย. ค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2566, จาก https://oowf.rtarf.mi.th/6.2.pdf
ทีมแพทย์มีดีคลินิก. (2566). การวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย. ค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2566, จาก https://midiclinic.com/
ปิยะวรรณ ยั่งยืน. (2561). ค่าดัชนีมวลกายและองค์ประกอบร่างกายของนักเรียนระดับประถมศึกษาในเขต กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
เมธชนัน เลิศชุณหะเกียรติ. (2563). วิเคราะห์ไขมันของร่างกายอย่างแม่นยำด้วย BIA. ค้นเมื่อ
ธันวาคม 2566. จาก https://www.phyathai.com/th/
ศุภวรรณ วงศ์สร้างทรัพย์, มยุรี ถนอมสุข, และสมบุญ ศิลป์รุ่งธรรม. (2555). เกณฑ์สมรรถภาพทางกายที่
เกี่ยวข้องกับสุขภาพของนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน (รายงานผลการวิจัย). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน. คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ ครั้งที่ 9.
สุภาณี รอดเจริญ. (2562). ภาวะโภชนาการในเด็กวัยเรียน. วารสารสุขภาพเด็กและเยาวชน, 14(3), 45-52.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2556). สถิติ 10 ปีที่ผ่านมา เด็กไทยอ้วนพุ่งอันดับหนึ่ง ของ โลก. ค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2566. จาก https://accuniqthailand.com
สำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2555). การศึกษาสมรรถภาพ ทางกายนักกีฬาแบดมินตันเยาวชนด้วยแบบทดสอบเฉพาะ. กรุงเทพฯ: กรมพลศึกษา กระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา.
Koo and Li. (2016). A Guideline of Selecting and Reporting Intraclass Correlation
Coefficients for Reliability Research. Journal of Chiropractic Medicine, 15(2), 155-163.
Lu et al. (2023). Body water percentage from childhood to old age. Kidney research and clinical practice, 42(3), 340–348. Retrieved from https://doi.org/10.23876/j.krcp.22.062
Puwanant et al. (2023). Body-Fat-Percentile Curves for Thai Children and Adolescents. Nutrients, 15(2), 448. Retrieved from https://doi.org/10.3390/nu15020448
Rusek, W., Baran, J., Leszczak, J., Adamczyk, M., Baran, R., Weres, A., Inglot, G., Czenczek-Lewandowska, E., & Pop, T. (2021). Changes in Children's Body Composition and Posture during Puberty Growth. Children (Basel, Switzerland), 8(4), 288.
Retrieved from https://doi.org/10.3390/children8040288
Shah et al. (2020). Sex and gender differences in childhood obesity: contributing to the research agenda. BMJ nutrition, prevention & health, 3(2), 387–390. Retrieved from
https://doi.org/10.1136/bmjnph-2020-000074
Talma et al. (2013). Bioelectrical impedance analysis to estimate body composition in children and adolescents: a systematic review and evidence appraisal of validity, responsiveness, reliability and measurement error. Obesity reviews: an official journal of the International Association for the Study of Obesity, 14(11), 895–905. Retrieved from https://doi.org/10.1111/obr.12061
Thajer et al. (2021). Comparison of Bioelectrical Impedance-Based Methods on Body Composition in Young Patients with Obesity. Children (Basel, Switzerland), 8(4), 295. Retrieved from https://doi.org/10.3390/children8040295
Verhs et al. (2022). Trends in BMI Percentile and Body Fat Percentage in Children 12 to 17 Years of Age. Children (Basel, Switzerland), 9(5), 744. Retrieved from https://doi.org/10.3390/children9050744
Verney et al. (2016). Bioelectrical impedance is an accurate method to assess body composition in obese but not severely obese adolescents. Nutrition research (New York, N.Y.), 36(7), 663–670. Retrieved from https://doi.org/10.1016/j.nutres.2016.04.003
World Health Organization. (2007). Growth reference data for 5–19 years: BMI-for- age (boys). Retrieved May 15, 2025, from http://www.who.int/
_______. (2018). Social determinants of health. Retrieved March 15, 2024, from