การศึกษากระบวนการพัฒนาความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัย ตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พหุกรณีศึกษา

Main Article Content

ปรียศรี พรหมจินดา
โสมฉาย บุญญานันต์
ดวงกมล ไตรวิจิตรคุณ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณลักษณะของกรณีศึกษาที่เป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และศึกษากระบวนการพัฒนาความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของกรณีศึกษา ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพแบบพหุกรณีศึกษา แบ่งเป็น 2 ระยะ 1) ศึกษาคุณลักษณะของกรณีศึกษาเป็นนักสร้างสรรค์ที่มีความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเกณฑ์คัดเลือกแบบเจาะจง 5 ราย เก็บข้อมูลโดยแบบสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสังเกต และ 2) ศึกษากระบวนการพัฒนาความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล จำแนกประเภทและตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า ผลการวิจัยพบว่า นวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานมีคุณลักษณะ 1) ด้านการศึกษาและการเรียนรู้ 2) ด้านแรงบันดาลใจ 3) ด้านการทำงานและการแก้ไขปัญหา และ 4) ด้านความเข้าใจเชิงธุรกิจ นักสร้างสรรค์มีกระบวนการพัฒนาความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ใช้ทักษะนวัตกร ได้แก่ การเชื่อมโยงภูมิปัญญากับการออกแบบร่วมสมัย การตั้งคำถามเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มมูลค่า การสังเกตวัสดุ ตลาดและผู้บริโภค การสร้างเครือข่ายกับช่างฝีมือและผู้เชี่ยวชาญ การทดลองพัฒนาเทคนิคและวัสดุใหม่ และการเล่าเรื่องถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมและเพิ่มมูลค่า นักสร้างสรรค์มีลำดับการใช้ทักษะและน้ำหนักต่างกัน ส่วนสำคัญ คือ การสร้างเครือข่ายกับชุมชนและช่างฝีมือภูมิปัญญา องค์ความรู้ใหม่ คือ 1) การใช้ทักษะความเป็นนวัตกรสอดคล้องวัฒนธรรม การศึกษา และประสบการณ์ 2) การแปลงความรู้เกิดขึ้นเป็นวงจรคู่ขนาน และ 3) การบูรณาการวงจรความรู้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สมบูรณ์

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
พรหมจินดา ป., บุญญานันต์ โ., & ไตรวิจิตรคุณ ด. (2025). การศึกษากระบวนการพัฒนาความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัย ตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พหุกรณีศึกษา. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 9(5), 107–122. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/284101
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กนกกร จีนา และอลงกรณ์ คูตระกูล. (2561). กระบวนการถ่ายทอดความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน: กรณีศึกษาโครงการอนุรักษ์วิหารพระเจ้าพันองค์ วัดปงสนุก จังหวัดลำปาง. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 9(1), 59-80.

กรมป่าไม้. (2561). แผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรไผ่และหวายแห่งชาติ พ.ศ. 2561 - 2579. กรุงเทพมหานคร: กรมป่าไม้.

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม. (2562). รู้จักกระทรวงดิจิทัล. เรียกใช้เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.mdes.go.th/about

นักสร้างสรรค์ 1. (20 มี.ค. 2567). ความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์. (ปรียศรี พรหมจินดา, ผู้สัมภาษณ์)

นักสร้างสรรค์ 2. (7 พ.ค. 2567). ความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์. (ปรียศรี พรหมจินดา, ผู้สัมภาษณ์)

นักสร้างสรรค์ 3. (20 มี.ค. 2567). ความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์. (ปรียศรี พรหมจินดา, ผู้สัมภาษณ์)

นักสร้างสรรค์ 4. (19 เม.ย. 2567). ความเป็นนวัตกรศิลปหัตถกรรมจักสานร่วมสมัยตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์. (ปรียศรี พรหมจินดา, ผู้สัมภาษณ์)

มธุรส ชาวไร่ปราณ. (2565). รูปแบบการจัดการทางศิลปหัตถกรรมชุมชนบ้านห้วยต้า จังหวัดอุตรดิตถ์. ใน วิทยานิพนธ์สถาปัตยกรรมศาสตมหาบัณฑิต สาขาศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยนเรศวร.

วรรณี แกมเกตุ. (2551). วิธีวิทยาการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วรัทยา ธรรมกิตติภพ. (2561). คุณลักษณะของผู้ประกอบการสร้างสรรค์และกิจกรรมเตรียมความพร้อมสู่การเป็น ผู้ประกอบการสร้างสรรคภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์. วารสารการศึกษาและการพัฒนาสังคม, 14(2), 109-123.

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน). (2565). ความเป็นมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2546 อนุมัติการจัดตั้ง “สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.)”. เรียกใช้เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://shorturl.asia/Sp0uJ

สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม. (2562). พรบ.การจัดตั้งกระทรวง อว. เรียกใช้เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.ops.go.th/th/aboutus/legal-ops/82-act/2138-mhesi-laws

สุภารักษ์ จูตระกูล. (2563). นวัตกรรมสินค้าภูมิปัญญาไทยเชิงสร้างสรรค์กับการตลาดเชิงสร้างสรรค์ในยุคดิจิทัล. วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์, 24(1), 234-246.

อัชราพร สุขทอง. (2567). นวัตวิถีหัตถศิลป์ถิ่นสุรินทร์ ภูมิปัญญาหัตถกรรมอำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์. วารสารชุมชนวิจัยและพัฒนาสังคม, 18(3), 448-467.

Boyes, B. (2019). The emerging concept of boundary objects in knowledge management. Retrieved March 8, 2025, from https://realkm.com/2019/12/06/the-emerging-concept-of-boundary-objects-in-knowledge-management/

Brause, C. (2020). Creative Framing, Systematic Exploration. Technology | Architecture + Design, 4(1), 2-3.

Dyer, J. et al. (2011). The innovator's DNA: Mastering the five skills of disruptive innovators. New York: Harvard Business Press.

Howkins, J. (2013). The Creative Economy: How People Make Money from Ideas Penguin Books. Retrieved March 2025, 8, from https://books.google.co.th/books?id=mcxlnAEACAAJ

Kašparová, P. & Michalová, T. (2023). SECI Knowledge Model and Opportunities of Engaging Business Intelligence by Maturity Level: Case Study at Selected Businesses in the Czech Republic. Journal of Intelligence Studies in Business, 13(2), 6-24.

Kusuma, D. W. et al. (2024). Management Analysis: Community Empowerment Based on Local Wisdom. Image: Jurnal Riset Manajemen, 12(2), 317-332.

Nonaka, I. & Takeuchi, H. (1995). The Knowledge-Creating Company: How Japanese Companies Create the Dynamics of Innovation. Oxford: Oxford University Press.

Sarah, S. S. B. et al. (2020). Enhancing Knowledge Exchange and Collaboration Between Craftspeople and Designers Using the Concept of Boundary Objects. International Journal of Design, 14(1), 113-133.

Sun, R. & Xing, C. (2024). User Scenario and Demand Analysis of High-end New Energy Vehicle Brands. International Journal of Global Economics and Management, 4(1), 318-325.

UNESCO. (2015). Transmission and education: a cumulative in-depth study of periodic reports. Retrieved March 12, 2025, from https://ich.unesco.org/en/focus-on-transmission-and-education-2015-00875

Wan, M. et al. (2024). Fostering creative thinking skills through digital storytelling. Journal of Pedagogical Research, 8(3), 147-162.