การสื่อสารในภาวะวิกฤตเพื่อให้ประชาชนเข้ารับการรับบริการการฉีดวัคซีนป้องกัน โรคโควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) สำรวจความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรมประชาชนที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 2) ศึกษาขั้นตอนการโน้มน้าวใจในภาวะวิกฤต และ 3) นำเสนอแนวทางพัฒนาการสื่อสารในภาวะวิกฤติ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสม วิจัยเชิงปริมาณกลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป 271 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิจัยเชิงคุณภาพเลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลักแบบเจาะจง 13 คน คือ ผู้บริหาร บุคลากรการแพทย์และนักวิชาการสื่อสาร ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างรับข้อมูลข่าวมากที่สุดจากอินเทอร์เน็ต และต้องการให้แจ้งข่าวผ่านการแถลงข่าวทางโทรทัศน์และสื่อโซเชียลมีเดียระดับความรู้อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 92.80 ทัศนคติอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 91.99 และพฤติกรรมการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับปานกลาง และ 87.45 2) ขั้นตอนการโน้มน้าวใจในภาวะวิกฤต คือ นำเสนอข่าวทั้งบวกและลบ สร้างจุดสนใจโดยใช้ทั้งสื่อบุคคล มวลชนและออนไลน์ สร้างความเข้าใจโดยเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับวัคซีน ตรวจสอบการคล้อยตามจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ สร้างการยึดเหนี่ยวจิตใจโดยแพทย์ที่น่าเชื่อถือและสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยสัมภาษณ์ผู้ที่มารับบริการสร้างความมั่นใจให้กลุ่มอื่นเข้ามารับบริการมากขึ้น และ 3) แนวทางการพัฒนาการสื่อสารในภาวะวิกฤติ คือ ตั้งทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสื่อสารในภาวะวิกฤต เลือกผู้ส่งสารที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ ตั้ง Call Center รับเรื่องร้องเรียน ทำคำสั่งคณะทำงานกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน ใช้คำแถลงการณ์ที่เข้าใจง่าย รูปแบบนำเสนอเหมาะกับบุคคลแต่ละช่วงวัย และวิเคราะห์เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดวิกฤตครั้งต่อไป
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2565). ปัจจัยที่มีผลต่อการลังเลในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประชาชน. เรียกใช้เมื่อ 3 มีนาคม 2567 จาก https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=31332
กระทรวงสาธารณสุข. (2566). สถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ประเทศไทย. เรียกใช้เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://ddc.moph.go.th/vaccine-covid19/diaryReport
กระทรวงสาธารณสุข. (2568). สถานการณ์โรคโควิด-19 ประเทศไทย. เรียกใช้เมื่อ 10 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.hfocus.org/content/2025/05/34060
ณิษาพัชร์ ประสงค์มงคล และคณะ. (2566). การสื่อสารในภาวะวิกฤตการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านเฟซบุ๊กไทยรู้สู้โควิด ของกระทรวงสาธารณสุข. วารสารศิลปะการจัดการ, 7(1), 227-247.
ปรีดี นุกุลสมปรารถนา. (2563). การสื่อสารในภาวะวิกฤต Crisis Communication. เรียกใช้เมื่อ 3 มีนาคม 2567 จาก https://www.popticles.com/business/crisis-communication/
วัลลภ รัฐฉัตรานนท์. (2562). การหาขนาดตัวอย่างที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย : มายาคติในการใช้สูตรของ ทาโร ยามาเน่ และเครทซี-มอร์แกน. วารสารสหวิทยาการวิจัย: ฉบับบัณฑิตศึกษา, 8(1), 11-27.
วุฒินัน จันทร์มา. (2564). การจัดการการสื่อสารในภาวะวิกฤติไวรัสโคโรน่า 2019 ของสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 7 จันทบุรี. ใน วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพรรณี.
สราวุฒิ จบศรี. (2564). การสื่อสารในภาวะวิกฤติของกระทรวงสาธารณสุข ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). วารสารนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 11(1), 13-28.
Gerbner, G. et. al. (1980). “Aging with Television: Images on Television Drama and Conceptions of Social Reality.”. Journal of Communication, 30(1), 37-47.
Lee, M. et al. (2022). Knowledge, attitudes, and practices (KAP) toward COVID-19: a cross-sectional study in South Korea. BMC Public Health, 21(2021), 295. https://doi.org/10.1186/s12889-021-10285-y
Morgan, M. (1987). “Television, Sex Role Attitudes, and Sex Role Behavior.”. Journal of Early Adolescence, 7(3), 269-282.
Sarria-Guzmán, Y. et al. (2021). Knowledge, Attitude and Practices (KAP) towards COVID-19 Pandemic in America: A preliminary systematic review. Journal of Infection in Developing Countries, 15(1), 9-21.