ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอิสลาม: รูปแบบการปฏิบัติทางการทูตว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอาณาจักรออตโตมัน

ผู้แต่ง

  • ศรัณยู หมัดศรี สาขาวิชาอิสลามศึกษา คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี
  • อับดุลรอนิง สือแต สาขาวิชาอิสลามศึกษา คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี
  • ซาฝีอี อาดำ สาขาวิชาอิสลามศึกษา คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี

คำสำคัญ:

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, การทูต, อาณาจักรออตโตมัน

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้วัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอิสลาม 2) รูปแบบการปฏิบัติทางการทูตว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอาณาจักรออตโตมัน 3) ศึกษาพิธีทางการทูตของอาณาจักรออตโตมัน 4) นำเสนอคุณลักษณะของรูปแบบการปฏิบัติทางการทูตว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอาณาจักรออตโตมันที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในการทูตร่วมสมัย  การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยคุณภาพเชิงประวัติศาสตร์ (Historical Approach) เพื่อศึกษาพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบทางการทูตในอาณาจักรออตโตมัน นำเสนอผลการศึกษาเชิงพรรณนาวิเคราะห์ (Analytical Description) โดยมีเครื่องมือในการวิจัยจากเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ อาทิ หนังสือ วารสาร บทความวิจัยที่เกี่ยวข้องในชั้นปฐมภูมิ ทุติยภูมิ โดยมีกรอบเวลาในการศึกษาคือในช่วงยุคต้น (ค.ศ. 1299-1453) ยุคกลาง (ค.ศ. 1453-1566) และยุคปลาย (ค.ศ.1566-1923)  ผลการวิจัยพบว่า 1) หลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอิสลามมีแหล่งที่มาจาก อัลกุรอาน อัสสุนนะฮฺ และแนวทางปฏิบัติของบรรดาเศาะฮาบะฮฺ 2) รูปแบบการปฏิบัติทางการทูตของอาณาจักรออตโตมันในยุคต้นมีการนำกฎหมายระหว่างประเทศอิสลามของสำนักคิดหะนะฟีย์เข้ามาประยุกต์ใช้ร่วมกับกฎหมายจารีตประเพณีของชาวเติร์กจนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 3) อาณาจักรออตโตมันได้ให้ความสำคัญกับพิธีทางการทูตอย่างเป็นระบบระเบียบและให้เกียรติกับแขกต่างเมืองอย่างสมฐานะ 4) อาณาจักรออตโตมันมีคุณลักษณะของการให้เกียรติผู้อื่น การเปิดรับสิ่งใหม่ และการประนีประนอม ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้ บรรดาผู้นำทางศาสนาและนักการทูตควรนำผลวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนมุสลิมกับบุคคลต่างศาสนิก

เอกสารอ้างอิง

เอกสารอ้างอิงฉบับภาษาไทย

เมาลานา ซัยยิด อบุล อะลา เมาดูดี. (2003). ตัฟฮีมุลกุรอาน. กรุงเทพ: ศูนย์หนังสืออิสลาม.

เอกสารอ้างอิงฉบับภาษาต่างประเทศ

Ahmed Abou-El-Wafa. (2009). The Right to Asylum between Islamic Shari'ah and International Refugee Law A Comparative Study. Riyadh: Naif Arab University for Security Sciences.

al-Imam Muhammad Abu Zahra. (1995). al-Alaqat al-Dawliyat fi'l Islam. Cairo: Dar al-Fiqri al-arabiy.

Benton, L. (2001). Law and Colonial Cultures: Legal Regimes in World History 1400-1900. London: Cambridge University Press.

Bulent Ari. (2004). Early Ottoman Diplomacy: Ad Hoc Period in Ottoman Diplomacy Conventional or Unconventional (Studies in Diplomacy). New York: Palgrave Macmilan.

Cleveland, W. L., & Bunton, M.(2009). A History of the Modern Middle East. N/A: Westview Press.

Ibn Anas, Malik. (1994). Al-Mudawwanah al-Kubra. Beirut: Dar al-Kitab al-Ilmiyyah.

Ibn Qudamah Al-Maqdisi. (2016). Umdah al-Fiqh Fi'l Madhab Al-Hanbali. N/A: Maktaba al-Himmah.

Muhammad Hamidullah. (1945). Muslim Conduct of State. Deccan: Osmania University.

Munir, M. (2007. Islamic International Law. An Introduction SSRN Electronic Journal, 5(2): 1-27.

Panaite, V. (2019). Ottoman Law of War and Peace: the Ottoman Empire and its tribute-payers from the north of the Danube. Boston: Brill.

Rehman, et. al. (2012). Urwa Bin Zubair "Al-Maghazi": Methodology and Critical Analysis. ASIAN JOURNAL OF SOCIAL SCIENCES & HUMANITIES, 21(7): 80-84.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-06-28

รูปแบบการอ้างอิง

หมัดศรี ศ., สือแต อ. ., & อาดำ ซ. . (2024). ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอิสลาม: รูปแบบการปฏิบัติทางการทูตว่าด้วยสันติภาพและสงครามในอาณาจักรออตโตมัน. มนารอ : วารสารประเด็นอิสลามร่วมสมัย, 5(1), 90–106. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/M-JICI/article/view/269004

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ