การศึกษากระบวนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของโรงเรียนที่มีแนวปฏิบัติที่ดี
คำสำคัญ:
กระบวนการจัดการเรียนรู้, ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร, แนวปฏิบัติที่ดี, โรงเรียนบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ศึกษากระบวนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของโรงเรียนที่มีแนวปฏิบัติที่ดี และ 2) ศึกษาแนวทางการยกระดับการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของโรงเรียนที่มีแนวปฏิบัติที่ดี กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยครูผู้สอนภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 คน และ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 160 คน ผู้บริหารโรงเรียน หัวหน้ากลุ่มสาระภาษาต่างประเทศและครูจำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามสำหรับครูและนักเรียน และแบบสัมภาษณ์สำหรับผู้บริหาร หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้และครู 8 คน ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง วิเคราะห์ข้อมูล หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) กระบวนการจัดการเรียนรู้ภาษาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารจากการปฏิบัติของครูและความคิดเห็นของนักเรียนอยู่ระดับมากทุกด้าน และ 2) แนวทางการยกระดับการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ได้แก่ 1) ครูมีการเตรียมความพร้อมก่อนจัดการเรียนรู้ 2) ครูใช้กิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เทคนิคการสอนที่หลากหลายและทันสมัย สื่อและนวัตกรรมที่น่าสนใจ และ 3) ครูใช้วิธีการวัดและประเมินผลที่หลากหลายให้เหมาะสมกับผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกัน
References
กรมวิชาการ. (2545). คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กระปุกดอทคอม. (2556). EF เผยอันดับทักษะภาษาอังกฤษของทั่วโลก ไทยแย่สุดเป็นที่ 2 รองลิเบีย. (ออนไลน์). แหล่งที่เข้าถึง : https://education.kapook.com. เข้าถึงเมื่อ [20/3/2556].
กิจจา กำแหง. (2549). การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร: ทฤษฎี การฝึกปฏิบัติ และปัญหา. วารสารมนุษยศาสตร์. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ทิศนา แขมมณี. (2557). ปลุกโลกการสอนให้มีชีวิตสู่ “ห้องเรียนแห่งศตวรรษใหม่”. เอกสาร ประกอบการประชุมวิชาการ เรื่อง อภิวัฒน์การเรียนรู้ สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย. 6-8 พฤษภาคม 2557.
อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2540). หลักการสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สถาบันราชภัฏนครปฐม.
อารีย์ ปรีดีกุล. (2554). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนทักษะการฟัง-พูดภาษาอังกฤษตาม หลักการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารและการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อเสริมสร้าง ความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ. วิทยานิพนธ์หลักสูตรดุษฎีบัณฑิต (สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน). มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สมเกียรติ อ่อนวิมล. (2555). บันทึกอาเซียน: “สุรินทร์” ชี้ รัฐฯต้องเร่งปฏิรูปการศึกษาก่อนสายเกินกู้กลับ. https://www.dailynews.co.th/article/118037
สุมาลี ชัยเจริญ. (2557). การออกแบบการสอน: หลักการทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. ขอนแก่น : หจก.โรงพิมพ์แอนนาออฟเซต.
Caine, G., Caine, R., & Crowell, S. (1999). Mind shifts (2nd ed.) Tucson, AZ : Zephyr Press.
Chew, P. G.-L. (2005). Change and Continity: English Language Teaching in Singapore. [Online]. Source: https://www.asian-efl-journal.com/march–05-pc.php.
Deveci, T. (2009). A Brain–Based Approach to Teaching English as a Second Language. [Online]. Source: https://www.developingteachers.com/articles_tchtraining/brainpf_tanju.htm.
Feden, P., & Vogell, R. (2003). Method of teaching–applying cognitive science to promote student learning. Boston, MA : McGraw Hill.
Jarvis, H. & Atsilarat, S. December, (2004). Shifting paradigms: from a communicative to a context–based approach. [Online]. Source:
https:///www.asian-edl-journal.com/December 04-HJ & SA. php.
Jensen, E. (2004). Brain–Based Learning. CA : Brain Store Inc.
Noughton, J. (2007). Microsoft makes face book a club you don’t want to join. [Online]. Source: https://www.guardian.co.uk/business/.
Stephen B. R. (November, 2001). Overcoming Common Problems Related to Commuicative Methodology. [Online]. Source: https://www.Iteslj.org/Technigues/Ryam-communicative.html.
Zhenhui, R. (1999). Communicative Competence. [Online]. Source: https://www/asian-efl-journal.com/September-04-yke.php.
Zull, J. (2002). The art of changing the brain: enriching the practice of teaching by exploring the biology of learning. Sterling, VA : Stylus Publishing
