การพัฒนามาตรวัดและเกณฑ์การแปลผลคะแนนความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู

Main Article Content

ณัฐนิรันดร์ ปอศิริ
ปิยะธิดา ปัญญา
ไพศาล วรคำ

บทคัดย่อ

วิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนามาตรวัดความรักและศรัทธาในวิชาชีพครูตามทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ
สร้างเกณฑ์ของคะแนนความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และทำการแปลผลคะแนนความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู
ของนักศึกษาครู กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ จาก 8 มหาวิทยาลัย
จำนวน 1,115 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ มาตรวัดความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู ชนิดเลือกตอบหลาย
รายการให้คะแนนหลายระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดย ประมาณค่าพารามิเตอร์ความชันร่วมและพารามิเตอร์เทรซโฮล
(Threshold) ตามทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ ทำการสร้างเกณฑ์ของคะแนนความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู
จากเกณฑ์พื้นที่บน Wright Map
ผลการวิจัยพบว่า 1) มาตรวัดความรักและศรัทธาในวิชาชีพครูที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพตามทฤษฎี
การตอบสนองข้อสอบ จำนวน 15 ข้อ มีค่าพารามิเตอร์ความชันร่วม ( ) อยู่ระหว่าง 0.50 – 2.18 ค่า Threshold 1
อยู่ระหว่าง -8 ถึง -2.33 ค่า Threshold 2 อยู่ระหว่าง -5.28 ถึง -1.56 และ ค่า Threshold 3 อยู่ระหว่าง -1.93 ถึง
4.98 มีการทำหน้าที่ต่างกันของข้อคำถาม จำนวน 1 ข้อ 2) เกณฑ์ของคะแนนความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู
สามารถแบ่งระดับความรักและศรัทธาในวิชาชีพครูได้เป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับ 4 มีความศรัทธาในวิชาชีพครู
ช่วงระดับความสามารถ (gif.latex?\Theta ) = -0.42 ขึ้นไป ระดับ 3 มีความรักในวิชาชีพครู ช่วงระดับความสามารถ ( gif.latex?\Theta) = -3.25
ถึง -0.41 ระดับ 2 มีเจตคติที่ดีในวิชาชีพครู ช่วงระดับความสามารถ (gif.latex?\Theta ) = -4.95 ถึง -3.24 ระดับ 1 ไม่มีความรัก
และศรัทธาในวิชาชีพครู ช่วงระดับความสามารถ (gif.latex?\Theta ) = -4.94 ลงมา และ 3) การแปลผลคะแนนความรักและศรัทธา
ในวิชาชีพครูของนักศึกษาครูโดยรวม มีคะแนนความสามารถ ( gif.latex?\Theta) เท่ากับ 0.383 ซึ่งอยู่ในระดับ 4 มีความศรัทธาใน
วิชาชีพครู นักศึกษาครูส่วนใหญ่ มีค่าความสามารถอยู่ในระดับ 4 มีความศรัทธาในวิชาชีพครู ร้อยละ 70.40 ระดับ 3
มีความรักในวิชาชีพครู ร้อยละ 28.97 และระดับ 2 มีเจตคติที่ดีในวิชาชีพครู ร้อยละ 0.63

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ปอศิริ ณ., ปัญญา ป., & วรคำ ไ. (2020). การพัฒนามาตรวัดและเกณฑ์การแปลผลคะแนนความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 17(1), 197–212. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/edu-rmu/article/view/252018
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

คุรุสภา. (2556). มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา. สืบค้นจาก http://education.dusit.ac.th/QA/articles/doc02.pdf
ณิชกมล แก่นเพิ่ม และคณะ. (2546). การศึกษาคุณลักษณะความเป็นครูตามความคิดเห็นของนิสิตและบัณฑิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. การประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครั้งที่ 41 (น. 117-124). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย.
ทัศนา ประสานศรี. (2555). การพัฒนารูปแบบความเป็นครูของนักศึกษา มหาวิทยาลัยนครพนม.วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม, 2(3), 25-32.
ไพศาล วรคำ. (2558). การวิจัยทางการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 8). มหาสารคาม: ตักสิลาการพิมพ์.
เมษา นวลศรี. (2559). การพัฒนาและตรวจสอบโครงสร้างพหุมิติของความเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น: การประยุกต์ใช้แนวคิดการสร้างแผนที่โครงสร้าง (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.
ยนต์ ชุ่มจิต. (2553). ความเป็นครู (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2555). ทฤษฎีการทดสอบแนวใหม่ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
.(2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุรางค์ โค้วตระกูล. (2553). จิตวิทยาการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Alberta Teachers’ Association. (2012). Nature of Teaching and Teaching as a Profession.Retrieved from http://www.teachers.ab.ca/About%20the%20ATA/Governance/PolicyandPositionPapers/Position%20Papers/Pages/Nature%20of%20Teaching%20and%20Teaching%20as%20a%20Profession.aspx
De, Melo, A. G., Levesque, S., and Moineau, S. (2018). Phages as friends and enermies in food processing. Curr Opin Biotechnol, 49, 185-190.
Morizot, J., Ainsworth, A. T., and Reise, S. (2007). Toward modern psychometrics: Application of item response theory models in Personality Research. In R. W. Robins, R. C. Fraley, &R. F. Krueger (Eds). Handbook of Research Methods in Personality Psychology.(pp. 407-423). New York: Guilford Press.
Reckase, M. D. (1979). Unifactor latent trait models applied to multifactor tests: Results and implications. Journal of Educational Statistics, 4(3), 207-230.
Runte, R. (1995). Is Teaching A Profession?. Retrieved from http://www.uleth.ca/edu/runte/teaprof