การศึกษาสภาพปัญหาความคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้วยแบบทดสอบ TCT-DP
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยผู้วิจัยได้ทำการการทดสอบโดยใช้แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ด้วยแบบทดสอบ ทีซีที-ดีพี (TCT-DP) โดยกลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ในจังหวัดมหาสารคาม แบ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ซึ่งมีประชากรทั้งสิ้น 9,644 คน และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยอ้างอิงจากจากตารางของทาโร่ยามาเน่ จำนวนทั้งสิ้น 398 คน ด้วยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แบบบันทึกคะแนนผู้เรียนจากแบบทดสอบ และ 2) แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ TCT-DP วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ ทีซีที-ดีพี (TCT-DP) แต่ละข้อจะชี้ให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ 4 องค์ประกอบ คือ ความคิดคล่องแคล่ว (Fluency) ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) ความคิดริเริ่ม (Originality) และความคิดละเอียดลออ (Elaboration) ซึ่งการทดสอบดังกล่าวใช้เกณฑ์การให้คะแนนผู้ที่ได้คะแนนต่ำกว่า 24 คะแนน มีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับต่ำ จำนวน 218 คน ผู้ที่ได้คะแนนรวมระหว่าง 24–47 คะแนน มีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 180 คน และไม่มีผู้ใดได้คะแนนความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับสูง และจากการทดสอบมีระดับความคิดสร้างสรรค์โดยรวมอยู่ในระดับต่ำ (x̅=1.92, S.D.=1.16) ดังนั้น จึงต้องมีการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้สอดคล้องกับทิศทางการเรียนรู้ในอนาคตต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อกำหนดเบื้องต้นที่ผู้นิพนธ์(ผู้ส่งบทความ) ควรทราบ
1. ผู้นิพนธ์ที่ประสงค์จะลงตีพิมพ์บทความกับวารสาร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้รูปแบบใหม่ (Template 2563) โดยสามารถดูตัวอย่างได้ที่เมนู GUIDELINES
2. จะตีพิมพ์และเผยแพร่ได้ ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)
3. การประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) เป็นแบบ Double Blind
4. การอ้างอิงบทความใช้หลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) คลิก
5. บทความถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ ไม่ผ่านการประเมิน ผู้นิพนธ์ขอยกเลิกเองหรือชำระเงินก่อนได้รับการอนุมัติ ทางวารสารไม่มีนโยบายการคืนเงิน
เอกสารอ้างอิง
ฐิติวัฒน์ ศรีวะบุตร, เอมอร สิทธิรักษ์ และอารี สาริปา. (2561). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้ตามกระบวนการความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์. วารสารบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 15(71), 171-178.
นิสรีน พรปลัด, โอภาส เกาไศยาภรณ์, วสันต์ อติศัพท์ และอัศวิน ศิลปะเมธากุล. (2564). การพัฒนารูปแบบการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบยูบิควิตัส เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้านศิลปะอิสลาม. วารสารการศึกษาและนวัตกรรมการเรียนรู้, 1(1), 79-95.
ปราณี พงษ์สุวรรณ. (2562). การพัฒนาหลักสูตรเสริมสะเต็มศึกษาเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และความคิดผลิตภาพ สำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 47(1), 219-239.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. (2542, 14 สิงหาคม). แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตราที่ 24. https://person.mwit.ac.th/01-Statutes/NationalEducation.pdf
สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย. (2561). แนวทางจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. https://webs.rmutl.ac.th/assets.
สุมนา โสตถิผลอนันต์. (2564). การจะใช้วิธีการเรียนรู้เชิงลึก: แนวทาง พัฒนา สร้างสรรค์. วารสารวิจัยราชภัฏ พระนคร: สังคมศาสตร์และมนุษยชาติ, 16(2), 278-293.
สำนักงาน ก.พ. (2559). การคิดเชิงสร้างสรรค์. https://www.ocsc.go.th/sites/default/files/document/ocsc-2017-eb13.pdf.
Jellen, H., and Urban, K.K. (1986). “The TCT-DP (Test for Creative Thinking-Drawing Production) : An instrument that can be applied to most age and ability groups,” Creative Child and Adult Quarterly, 1, 138-155.
Torrance, E.P. (1980). Creativity and Futurism in Education: Retooling. Education, 100(4), 298-311.