การพัฒนาความสามารถการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทยโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 85/85 2) หาดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ด้านความสามารถการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD 3) เปรียบเทียบความสามารถการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย ก่อนเรียนและหลังเรียน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD 2) แบบทดสอบวัดความสามารถการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ร้อยละ และการทดสอบที (t-test) แบบเป็นอิสระจากกัน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.93/85.25 เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 85/85 2) ดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.77 คิดเป็นร้อยละ 77.00 3) ความสามารถการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และ 4) ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้านสามารถการอ่านเชิงวิเคราะห์ภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD โดยรวมอยู่ในระดับมาก
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อกำหนดเบื้องต้นที่ผู้นิพนธ์(ผู้ส่งบทความ) ควรทราบ
1. ผู้นิพนธ์ที่ประสงค์จะลงตีพิมพ์บทความกับวารสาร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้รูปแบบใหม่ (Template 2563) โดยสามารถดูตัวอย่างได้ที่เมนู GUIDELINES
2. จะตีพิมพ์และเผยแพร่ได้ ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)
3. การประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) เป็นแบบ Double Blind
4. การอ้างอิงบทความใช้หลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) คลิก
5. บทความถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ ไม่ผ่านการประเมิน ผู้นิพนธ์ขอยกเลิกเองหรือชำระเงินก่อนได้รับการอนุมัติ ทางวารสารไม่มีนโยบายการคืนเงิน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กุลจิรา จันทจร และ พรชัย ผาดไธสง. (2566). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับแผนผังความคิด. วารสารวิจัยวิชาการ, 10(1), 555-574.
จุฑามาศ ศรีใจ และ อ้อมธจิต แป้นศรี. (2565). การพัฒนาทักษะการอ่านคำพื้นฐานภาษาไทยโดยใช้บทเรียนการ์ตูนร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิจัยวิชาการ, 5(1), 243-256.
ณิตาวรรณ โพธิ์ไหม. (2567). การพัฒนาชุดการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียนเรื่องการสร้างคำในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD โรงเรียนกุสุมาลย์วิทยาคม อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร. วารสารวิจัยวิชาการ, 10(1), 389-400.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่10). สุวีริยาสาส์น.
ปพิชญา พรหมกันธา. (2565). ผลการสอนโดยใช้เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์การอ่านบทอาขยานในรายวิชา วรรณกรรมคัดสรรในหนังสือเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทยชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏชัยภูมิ. วารสารสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, 2(3), 61-74.
Johnson, D. W., & Johnson, R. T. (2009). Cooperation and competition: Theory and research. Edina, MN: Interaction Book Company.
Slavin, R. E. (2011). Cooperative learning: Theory, research, and practice. Boston, MA: Allyn & Bacon.