การศึกษาทัศนคติในการเรียนวิชาชีวเคมีของนักศึกษาพยาบาลคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทัศนคติของนักศึกษาพยาบาลที่มีต่อการเรียนวิชาชีวเคมี 2) เปรียบเทียบทัศนคติเหล่านี้ตามปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อาชีพของบิดามารดา ภูมิลำเนา เกรดเฉลี่ยสะสม และรายได้ของผู้ปกครอง และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติของนักศึกษาที่มีต่อการเรียนวิชาชีวเคมีกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รวมถึงฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาพยาบาล จำนวน 165 คน ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาชีวเคมีใน ภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2567 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ซึ่งครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ 1) ทัศนคติต่อความรู้ในวิชาชีวเคมี 2) ทัศนคติต่อประสบการณ์การเรียนวิชาชีวเคมี 3) ทัศนคติเกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมด้านชีวเคมี และ 4) ทัศนคติเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผู้สอน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงวิธีการทางสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบค่า t แบบอิสระ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า ทัศนคติโดยรวมของนักศึกษาต่อการเรียนวิชาชีวเคมีอยู่ในระดับปานกลาง (x̅=4.19, S.D.=.58) ด้านที่ได้รับคะแนนสูงที่สุดคือด้านประสิทธิภาพของผู้สอน (x̅=4.19, S.D.=.57) ขณะที่ด้านที่ได้รับคะแนนต่ำที่สุดคือแนวโน้มทางพฤติกรรม (x̅=4.19, S.D.=.62) พบความแตกต่างของทัศนคติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติตามเพศและภูมิลำเนา นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างทัศนคติต่อความรู้ในวิชาชีวเคมีกับรายได้ของผู้ปกครอง โดยนักศึกษาที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิชาชีวเคมีน้อยกว่านักศึกษาที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อกำหนดเบื้องต้นที่ผู้นิพนธ์(ผู้ส่งบทความ) ควรทราบ
1. ผู้นิพนธ์ที่ประสงค์จะลงตีพิมพ์บทความกับวารสาร ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้รูปแบบใหม่ (Template 2563) โดยสามารถดูตัวอย่างได้ที่เมนู GUIDELINES
2. จะตีพิมพ์และเผยแพร่ได้ ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review)
3. การประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) เป็นแบบ Double Blind
4. การอ้างอิงบทความใช้หลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) คลิก
5. บทความถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ ไม่ผ่านการประเมิน ผู้นิพนธ์ขอยกเลิกเองหรือชำระเงินก่อนได้รับการอนุมัติ ทางวารสารไม่มีนโยบายการคืนเงิน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ.(2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. ชุมนุมสหกกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ทิศนา แขมมณี. (2553). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติม (พิมพ์ครั้งที่ 12). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พงศ์เทพ จิระโร. (2564). เอกสารประกอบการสอน วิชาการวิจัยทางสุขภาพ. มหาวิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา
พงศ์เทพ จิระโร. (2564). เอกสารประกอบการสอน วิชาการวิจัยทางสุขภาพ. มหาวิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา.
พงศ์เทพ จิระโร. (2561). หลักการวิจัยทางการศึกษา: Principles of Educational Research (พิมพ์ครั้งที่ 8). บัณฑิตเอกสาร.
เพ็ญศรี ทองมี. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างฐานะทางเศรษฐกิจกับแรงจูงใจในการเรียนของนักเรียนสายวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 20(3), 78-91.
ศิริพร กาญจนพงศ์. (2562). ความแตกต่างของทัศนคติและผลการเรียนของนักเรียนหญิงและชายในวิชาชีววิทยา. วารสารวิจัยและพัฒนาการศึกษา, 14(1), 22-34.
สุธีร์ นวกุล. (2553). สถิติเพื่องานวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 15). เทคนิคกรุงเทพ.
อดิเรก วรรณโสภา. (2560). หลักสูตรวิชาสุขศึกษา พลศึกษา และนันทนาการ มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม.