การพัฒนารูปแบบการชี้แนะและการเป็นพี่เลี้ยงสำหรับอาจารย์นิเทศก์และครูพี่เลี้ยง เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู

Main Article Content

รัชกร ประสีระเตสัง

บทคัดย่อ

การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการชี้แนะและการเป็นพี่เลี้ยงสำหรับอาจารย์นิเทศก์และครูพี่เลี้ยง เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู การวิจัยดำเนินการ 4 ระยะ คือ (1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน โดยการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่มอาจารย์นิเทศก์และครูพี่เลี้ยง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ และประเด็นการสนทนากลุ่ม (2) พัฒนารูปแบบฯ ผ่านการวิเคราะห์เนื้อหาและประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ 7 ท่าน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบประเมินคุณภาพของรูปแบบฯ (3) ทดลองใช้รูปแบบฯ กับนักศึกษา จำนวน 30 คน ปีการศึกษา 2567 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือวิจัยที่ใช้ ได้แก่ 1) คู่มือการใช้รูปแบบฯ 2) แบบทดสอบวัดสมรรถนะการวิจัย 3) แบบวัดสมรรถนะการเขียนเค้าโครงวิจัยและรายงานการวิจัย และ (4) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบฯ จากอาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เลี้ยง และนักศึกษา เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แบบประเมินสมรรถนะการนิเทศของอาจารย์นิเทศก์และครูพี่เลี้ยง 2) แบบสอบถามความพึงพอใจ เครื่องมือวิจัยทุกฉบับผ่านการตรวจสอบคุณภาพทั้งค่า IOC และค่าความเชื่อมั่นจากผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (one sample t-test) เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis)

ผลการวิจัย ปรากฏว่า 1) สภาพปัจจุบัน พบว่า การนิเทศเพื่อส่งเสริมการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนยังขาดมาตรฐานที่เป็นระบบเดียวกัน 2) รูปแบบการชี้แนะและการเป็นพี่เลี้ยงที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ หลักการวัตถุประสงค์ ขั้นตอนกิจกรรม (P-E-A-CA) การวัดและประเมินผล และเงื่อนไขความสำเร็จ 3) ผลการทดลองใช้รูปแบบฯ ส่งผลให้นักศึกษามีสมรรถนะด้านความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และคุณลักษณะส่วนบุคคลในการทำวิจัยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีสมรรถนะการเขียนเค้าโครงและการเขียนรายงานการวิจัยโดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̅=4.18) 4) ผลการศึกษาประสิทธิผล พบว่า สมรรถนะการนิเทศของอาจารย์นิเทศก์และครูพี่เลี้ยงอยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อรูปแบบฯ อยู่ในระดับมากที่สุด (x̅=4.85 และ 4.91) แสดงให้เห็นว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิผลสูงและสามารถนำไปใช้ในการเสริมสร้างสมรรถนะการทำวิจัยของนักศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ประสีระเตสัง ร. (2025). การพัฒนารูปแบบการชี้แนะและการเป็นพี่เลี้ยงสำหรับอาจารย์นิเทศก์และครูพี่เลี้ยง เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 22(3), 262–275. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/edu-rmu/article/view/288574
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กนิษฐา เชาว์วัฒนกุล. (2553). การพัฒนารูปแบบการดูแลให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการสอนและการทำวิจัยในชั้นเรียนของนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู สาขาการสอนคณิตศาสตร์ [วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

จตุภูมิ เขตจัตุรัส. (2560). ผลการพัฒนาสมรรถนะด้านสถิติเพื่อการวิจัยของนักศึกษาบัณฑิตศึกษา โดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้วิจัยเป็นฐาน. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 21). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธนา ธุศรีวรรณ. (2562). การพัฒนารูปแบบการชี้แนะเพื่อส่งเสริมทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สำหรับครูระดับมัธยมศึกษา [วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า. (2556). OBECEducational Supervisors ... กับ สกอ. สืบค้นเมื่อ 11 กรกฎาคม 2566, จาก https://www.sites.google.com/site/esdcwebsite/prakas/slidbrryaydrbeyclaksnnafa

เบญจมาศ ชาติศักดิ์ยุทธ. (2560). รูปแบบการเป็นพี่เลี้ยงและการสอนงานของผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.

พิมพ์ปวีณ์ สุวรรณโณ และ ศุภลักษณ์ สินธนา. (2561). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการวิจัยของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, 13(1), 161-175.

ภณิดา ชูช่วยสุวรรณ และ ยุวรี ญานปรีชาเศรษฐ์. (2563). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอนระดับประถมศึกษา: การประเมินความต้องการจำเป็นสมบูรณ์. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 12(2), 306-318.

วัชรา เล่าเรียนดี. (2554). รูปแบบและกลยุทธ์การจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

วัชรา เล่าเรียนดี. (2556). ศาสตร์การนิเทศการสอนและการโค้ช การพัฒนาวิชาชีพ : ทฤษฎี กลยุทธ์สู่การปฏิบัติ. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

Abu Sharbain and Kok-Eng Tan. (2012). “School of Educational Studies, University Sains Malaysia, Penang, Malaysia. Pre-Service Teachers’ Level of Competence and Their Attitudes Towards the Teaching Profession.” Aslan Journal of Social Sciences & Humanities 1, 3(August): 14-22.

Collins, A., Brown, J. S., & Newman, S. E. (1989). “Cognitive Apprenticeship: Teaching the Crafts of Reading, Writing, and Mathematics.” In L. B. Resnick (Ed.), Knowing, Learning, and Instruction: Essays in Honour of Robert Glaser. Hillsdale, NJ: Erlbaum.

Ivancevich, J. M., Donnelly, J. H., & Gibson, J. L. (1989). Management: Principles and functions. BPI/Irwin.

Johnson, D. W., & Johnson, R. T. (2008). “Social Interdependence Theory and Cooperative Learning: The Teacher’s Role.” In R. M. Gillies, A. Ashman & J. Terwel (Eds.), Teacher’s Role in Implementing Cooperative Learning in the Classroom (pp. 9-37). New York: Springer.

Joyce, B., & Showers, B. (1980). Improving inservice training: The messages from research. Educational Leadership, 37, 379-385.

Joyce, B., & Showers, B. (1983). Power in staff development through research on training. Association for Supervision and Curriculum Development.

Joyce, B., & Showers, B. (1988). Student achievement through staff development. Longman.

Kemmis, S., & McTaggart, R. (1988). The action research planner (3rd ed.). Deakin University Press.

Mariene & McHenry. (2002). Mentoring preservice teachers through the use of a reflective journal. Teacher Education and Practice, 15(1), 22-34.