การพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและเมตาคอกนิชัน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และการคิดไตร่ตรอง ของนักเรียนระดับประถมศึกษา

Main Article Content

สุทัศน์ บุญสิทธิ์ (Sutas Boonsit)
สมชาย วรกิจเกษมสกุล (Somchai Vollakitkasemskul)
สมยศ ชิดมงคล (Somyodth Chidmongkhol)
ชาติชาย ม่วงปฐม (Chatchai Muangpatom)

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาผลการใช้ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและเมตาคอกนิชัน ของนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยแบ่งการวิจัยออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษา โดยสัมภาษณ์ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์และศึกษานิเทศก์ผู้รับผิดชอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน 5 ท่าน และศึกษาแนวคิดทฤษฎีการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและเมตาคอกนิชัน โดยการสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ระยะที่ 2 ดำเนินการร่างตามองค์ประกอบที่กำหนด และตรวจสอบความเหมาะสมของยุทธศาสตร์โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน ระยะที่ 3 ศึกษาผลการใช้ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและเมตาคอกนิชัน     กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านม่วงคอนสาย อำเภอกู่แก้ว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 16 แผน 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดไตร่ตรอง 4) แบบสังเกตความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และการคิดไตร่ตรอง 5) แบบสัมภาษณ์ความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และการคิดไตร่ตรอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ การทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว (One Sample
t –test ) และการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t –test for Dependent Sample) ผลการวิจัย พบว่า 1) แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ คือ แนวคิดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและแนวคิดเมตาคอกนิชัน ผลจากการศึกษาเอกสาร ตำรา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์ครูผู้สอนและผู้เชี่ยวชาญ ได้นำหลักการ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดสภาพแวดล้อม การวัดผลและประเมินผล มาใช้เป็นแนวทางเพื่อร่างยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้
2) ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและเมตาคอกนิชันที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ หลักการ จุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ กระบวนการจัดการเรียนรู้ และการวัดผลและประเมินผล ซึ่งขั้นตอนกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวยุทธศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นนี้ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ขั้นเผชิญปัญหาที่ท้าทาย (2) ขั้นพร้อมใจกันศึกษา (3) ขั้นเสวนาตรวจสอบ (4) ขั้นเห็นชอบแล้วนำเสนอ ผลการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ยุทธศาสตร์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.85 ซึ่งมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด และ 3) ผลการใช้ยุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ พบว่า (1) นักเรียนมีความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ เท่ากับ 80.73 ซึ่งสูงเกณฑ์ร้อยละ 80 และสูงกว่าก่อนเรียน (2) นักเรียนมีความสามารถในการคิดไตร่ตรองเท่ากับ 82.81 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 และหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
(Sutas Boonsit) ส. บ., (Somchai Vollakitkasemskul) ส. ว., (Somyodth Chidmongkhol) ส. ช., & (Chatchai Muangpatom) ช. ม. (2018). การพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและเมตาคอกนิชัน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และการคิดไตร่ตรอง ของนักเรียนระดับประถมศึกษา. Journal of Education and Innovation, 19(4), 253–264. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/edujournal_nu/article/view/108464
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Biemiller, & Meichenbaum. (1998). Nurturing independent learner: helping students take charge of their learning. Cambridge, M.A.: Brook line books.
Certo, S. C., & Peter, J. P. (1991). Strategic management: Concept and Applications. New York: McGraw-Hill.
David, F. R. (1995). Strategic management. New Jersey: Prentice Hall.
Fong-in, S. (2005). A developmental study on critical reflective thinking with different child rearing and attitude toward Buddhism of junior high school schools in the educational area IV, Chaingrai province. The study of developing critical thinking of students in the third educational level (Master thesis). Bangkok: Srinakharinwirot University.
Gagne, R. M. (1988). The conditions of learning. New York: Holt, Rinehart and Winston.
Gredler, M. E. (2001). Learning instruction theory into practice (4th ed.). New Jersey: Prentice- Hill.
Mayer, D. K. (2002). Discovering emotion in classroom motivation research. Educational Psychologist, 37(2), 107-114.
Ministry of Education. (2008). The basic education core curriculum B.E. 2551 (A.D. 2008). Bangkok: The Agricultural Cooperative Federation of Thailand. (in Thai)
Pintrich, P. R., & Blumenfeld, P. C. (1985). Classroom experiences and children’a self-perception of ability effect. Journal of Education Psychology, 72, 464-657.
Saiyod, L., & Saiyod, A. (1995). Educational research technique. Bangkok: Suweeriyasarn. (in Thai)
Schunk, D. H. (2001). Learning theories: An educational perspective (3rd ed.). New York: Macmillan.
Serumola, L. B. (2003). A study of scientific thinking with young adolescents (Doctoral dissertation). Glasgow: University of Glasgow.
Susoarat, P. (20101). Thinking development (4th ed). Bangkok: Technique Printing. (in Thai)
Therdthianwong, A. (2010). The development thinking skills. Bangkok: King Mongkut's University of Technology Thonburi. (in Thai)
Yurumezoglu, K., & Oguz, A. (2007). How Close Student Teachers’ Educational Philosophies and Their Scientific Thinking Processes in Science Education.Actualite de la Recherche en Education et en Formation, Strasbourg, Turkey.