กระบวนการขับเคลื่อนนโยบายพรรคสัมมาธิปไตยเชิงพุทธบูรณาการ
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1. เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของพรรคสัมมาธิปไตย 2. เพื่อศึกษากระบวนการขับเคลื่อนนโยบายพรรคสัมมาธิปไตย 3. เพื่อพัฒนาโมเดลการขับเคลื่อนนโยบายพรรคสัมมาธิปไตยเชิงพุทธบูรณาการ เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ผลการวิจัยพบว่า พรรคสัมมาธิปไตย มีจุดมุ่งหมายในการสร้างการเมืองและสังคมที่มีคุณธรรม สัมมาแปลว่า ถูกต้องถูกตรงสู่ความดีแท้จริง อธิปไตยแปลว่า พลัง, อำนาจ, แสนยานุภาพ สัมมาธิปไตยแปลว่า พลังอำนาจแห่งความดี อุดมการณ์พรรคคือ “ทำการเมืองโลกุตระ” วิสัยทัศน์พรรคคือ รวบรวมคนดีมีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม รวมทีมเพื่อร่วมกันกับประชาชนในการแก้ปัญหาด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม และหาแนวทางในการพัฒนาประเทศอย่างมีเหตุผล โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุและการพัฒนาคุณธรรมในจิตใจประกอบกัน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน พรรคมีพันธกิจคือ รวมทีมคนดีมีศีลมีธรรม สานพลังกับประชาชนทุกสาขาอาชีพ เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนแบบครบวงจร โดยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเป็นหลัก ปลายเหตุเป็นรอง ประหยัดเรียบง่ายเป็นหลัก สิ้นเปลืองเป็นรอง พึ่งตนเป็นหลัก พึ่งผู้อื่นเป็นรอง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดโดยประหยัดที่สุด ยุทธศาสตร์พรรคคือ สร้างคนให้เป็นนักการเมืองโลกุตระ มีลักษณะคือ ไม่มีตัวตน (ลดละกิเลสได้) ซื่อสัตย์ รับใช้ประชาชน มีสมรรถนะความสามารถ รับรู้เข้าใจปัญหาของประชาชน นโยบายหลักของพรรคมี 5 ด้าน ได้แก่ ส่งเสริมการสร้างอาหารไร้สารพิษ ชีวิตสุขภาพดี มีเศรษฐกิจมั่นคง มุ่งตรงพลังงานพึ่งตน สร้างคนดีให้สังคม พรรคมีการขับเคลื่อนนโยบายโดยไม่ต้องรอการเลือกตั้ง ไม่ต้องรองบประมาณจากรัฐ เพราะขับเคลื่อนด้วยพลังจิตอาสา การประเมินผลนโยบาย เกิดผลดีต่อประชาชน 7 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ สังคม ปัญญา เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตโดยรวม และภาวะแห่งพุทธะ โมเดลการขับเคลื่อนนโยบายพรรคมีทั้งโมเดลเชิงลึกและเชิงกว้าง เชิงลึกพัฒนา 3 ด้าน ได้แก่ โลกุตระ (ความบริสุทธิ์จากกิเลส), โลกวิทู (ความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาต่าง ๆ), โลกานุกัมปายะ (การช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์) เชิงกว้างพัฒนา 3 ชั้น ได้แก่ พัฒนาตน พัฒนาคน พัฒนาประเทศ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
ข้อความในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
เอกสารอ้างอิง
กฤตเมธ บุญนุ่น. (2560). นวัตกรรมทางสังคม: ความรู้สู่สังคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน. วารสารสังคมศาสตร์วิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. 10 (พิเศษ), หน้า 245-262.
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), (2568). การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข. การสัมมนาเชิงวิชาการ ณ โรงแรม ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น แบงคอก. กรุงเทพมหานคร, วันที่ 31 กรกฎาคม 2568.
ใจเพชร กล้าจน. (2558). จิตอาสาแพทย์วิถีพุทธเพื่อมวลมนุษยชาติ. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค (สาธารณสุขชุมชน). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.
ใจเพชร กล้าจน. (2566). พรรคสัมมาธิปไตย. สมุทรสาคร: บริษัทพิมพ์ดี.
นฐินันต์ ศรีลาศักดิ์. (2557) การบริหารจัดการพรรคการเมืองไทยสู่ความเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 4(3), หน้า 262.
พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ และคณะ. (2559). พุทธรัฐศาสตร์ : การบูรณาการเพื่อการบรรลุความสมบูรณ์แห่งรัฐ. รายงานวิจัย. คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ลักขณา แซ่โซ้ว. (2568). กระบวนการขับเคลื่อนนโยบายพรรคสัมมาธิปไตยเชิงพุทธบูรณาการ. ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วรภูริ มูลสิน และพระปลัดสุระ ญาณธโร. บทบาทของพระพุทธศาสนาที่มีส่วนพัฒนาการเมืองการปกครองของไทยสมัยสุโขทัย. วารสารมหาจุฬาคชสาร, 10(2), หน้า 80-95.
สุรพล สุยะพรหม. (2566). “ความคิดทางการเมืองตามแนวพุทธศาสนาของพุทธทาสภิกขุ”. สืบค้นข้อมูลเมื่อ 1 มิถุนายน 2566 จาก https://gps.mcu.ac.th/wp-content/uploads/2017/05/ความคิดทางการเมืองตามแนวพระพุทธศาสนา.pdf.
สุริยะใส กตศิลา. (2561). บทบาทของมหาวิทยาลัยรังสิตกับการขับเคลื่อนสังคมธรรมาธิปไตย. รายงานวิจัย: วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต.
อานันท์ เกียรติสารพิภพ. (2567). “คณะราษฎร”. สืบค้นข้อมูลเมื่อ 15 มกราคม 2567 จากhttps://parliamentmuseum.go.th/ar63-People_team.html.
โอฬาร ถิ่นบางเตียว และรุ้งนภา ยรรยงเกษมสุข. (2564). “วัฒนธรรมทางการเมืองไทยกับหลักการเสียงข้างมาก”. วารสาร มจร การพัฒนาสังคม, 6(2), หน้า 48.