ความรับผิดชอบทางสังคมของธุรกิจสื่อสังคมออนไลน์ต่อประทุษวาจา ในมุมมองพุทธจริยศาสตร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาปัญหาทางจริยศาสตร์ว่า ‘ผู้ประกอบธุรกิจสื่อสังคมออนไลน์ควรรับผิดชอบต่อสังคมเมื่อมีการใช้ประทุษวาจาบนโลกออนไลน์หรือไม่’ ในประเด็นดังกล่าวมีฝ่ายที่ยืนยันว่า ผู้ประกอบธุรกิจสื่อสังคมออนไลน์ควรมีความรับผิดชอบเพราะเขาเป็นผู้มีอำนาจในการจัดการสื่อบนแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่มีผู้ตอบโต้ว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการพูด ดังนั้นจึงไม่ควรมีการจัดการกับข้อความใด ๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ทั้งสิ้น และเสนอให้ผู้เสพสื่อเป็นผู้ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองเองจึงจะเหมาะสมกว่า เพื่อตอบปัญหาดังกล่าวผู้เขียนจะอาศัยมุมมองทางพุทธจริยศาสตร์เป็นกรอบในการวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์พบว่า พุทธจริยศาสตร์ถือว่าประทุษวาจาเป็นกิริยาที่ควรงดเว้นเพราะเป็นไปเพื่อความชั่วร้ายในสังคมและไม่จัดเป็นการใช้เสรีภาพในการพูด อนึ่ง สังคมที่ดีจะต้องสอดคล้องกับเจตนารมณ์เชิงสหกรณ์ที่ผู้คนต่างทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขร่วมกันของสังคม ดังนั้นเมื่อมีการนำเข้าประทุษวาจาบนโลกออนไลน์ ผู้ประกอบธุรกิจสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของสังคมและมีอำนาจจัดการสื่อต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์จึงควรมีความรับผิดชอบทางสังคมด้วยการกำกับและควบคุมประทุษวาจาเหล่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเหตุก่อความรุนแรงในสังคม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการละเมิดเสรีภาพในการพูดจึงควรเปิดโอกาสให้ผู้เสพสื่อมีส่วนร่วมในการพิจารณาจัดการประทุษวาจาดังกล่าวด้วย แนวทางนี้สะท้อนถึงความมีส่วนร่วมในการต่อต้านประทุษวาจาและสร้างความตระหนักรู้ถึงสิทธิ เสรีภาพ และการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เพื่อความเป็นอยู่ผาสุกของสังคม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
ข้อความในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
เอกสารอ้างอิง
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
เค. เอ็น. ชยติลเลเก. (2537). จริยศาสตร์แนวพุทธ. (ผศ.สุเชาวน์ พลอยชุม, แปล). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย.
ชาญชัย ชัยสุขโกศล. (2554). Hate Speech และข้อมูลที่อันตราย: ทางเลือกวิธีตอบโต้ทางการเมือง. (รายงานวิจัย). สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2558). พุทธรรม ฉบับปรับขยาย. พิมพ์ครั้งที่ 41. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์ผลิธัมม์.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2558). (2559). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 34. [PDF Version]. สืบค้นจาก https://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/dictionary_of_buddhism_pra-muan-dhaama.pdf.
พระสิริมังคลาจารย์. (2552). มงฺคลตฺถทีปนี (ปโม ภาโค). พิมพ์ครั้งที่ 16. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย.
พิรงรอง รามสูต. (2558). ประทุษวาจากับโลกออนไลน์. กรุงเทพ: มูลนิธิเพื่อการศึกษาประชาธิปไตยและการพัฒนา (โครงการจัดพิมพ์คบไฟ).
พุทธทาสศึกษา. (ม.ป.ป.). ธัมมิกสังคมนิยมของพุทธทาสภิกขุ. [PDF Version]. สืบค้นจาก http://www.buddhadasa.org/files/pdf/B_pdf/all/all12.pdf.
ปรีดา ทองชุมนุม. (2558). คู่มือการทำความเข้าใจ เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.
วัชระ งามจิตรเจริญ. (2563). สมการความว่าง. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพ: สยามปริทัศน์.
สมภาร พรมทา. (2548). พุทธปรัชญา : มนุษย์ สังคม และปัญหาจริยธรรม. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์ศยาม.
องค์กร ARTICLE 19. (2019). คู่มือไขข้อสงสัยเรื่อง ‘ถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง’. [PDF Version]. สืบค้นจาก https://www.article19.org/wp-content/uploads/2019/12/Hate-Speech-Explained-A-Toolkit-Thai-Version-min.pdf.
อัศวิน อุดทาคำ. (2558). ขอบเขตเสรีภาพในการแสดงออก: ศึกษากรณีคำพูดหรือการกระทำที่สร้างความเกลียดชังตามแนวคำวินิจฉัยศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปและศาลสหรัฐอเมริกา. วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายมหาชน. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Equality and Human Rights Commission. (2015). Freedom of expression. [PDF Version]. สืบค้นจาก https://www.equalityhumanrights.com/sites/default/files/20150318_foe_legal_framework_guidance_revised_final.pdf.
Jeffrey W. Howard. (2019). Free Speech and Hate Speech. Annual Review of Political Science. Vol. 22: 93-109.