การศึกษาเปรียบเทียบอิทธิพลความเชื่อเรื่องลมปราณ กับการเยียวยาโรคในมุมมองของการแพทย์แผนไทย ระหว่างพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาความเชื่อเรื่องลมปราณที่มีต่อการเยียวยาในพระพุทธศาสนา 2) เพื่อศึกษาความเชื่อเรื่องลมปราณที่มีต่อการเยียวยาในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และ 3) เพื่อเปรียบเทียบอิทธิพลความเชื่อเรื่องลมปราณกับการเยียวยาโรค ในมุมมองของการแพทย์แผนไทยระหว่างพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู บทความวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากพระไตรปิฎก คัมภีร์ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เช่น คัมภีร์พระเวท อุปนิษัท ภควัทคีตา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสานเสวนาทางศาสนา และการลงพื้นที่สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง เช่น นักวิชาการทางศาสนา นักวิชาการการแพทย์แผนไทย และกลุ่มผู้ป่วย ผลการศึกษาพบว่า พระพุทธศาสนามองว่าลมปราณ คือลมหายใจ และลมที่พัดไปทั่วร่างกาย ส่วนการใช้ลมปราณในการเยียวยาในพระพุทธศาสนาเป็นการรักษาโรคที่เกิดขึ้นทั้งทางใจและสิ่งที่แสดงออกทางพฤติกรรม ส่วนศาสนาพราหมณ์-ฮินดูคือลมหายใจหรือลมหลัก หรือพลังความรู้สึกที่มีลมแผ่ไปเบื้องบนทั่วศีรษะและมีจุดหลักในสมอง เมื่อเคลื่อนต่ำลงมาที่หน้าอกและลมคอ ควบคุมการหายใจเข้าและการกลืน ตลอดจนการจาม การถ่มน้ำลาย และการเรอ ควบคุมประสาทสัมผัส จิตใจ หัวใจ และจิตสำนึก มีลักษณะของการขับเคลื่อนร่างกายและเป็นพลังงานที่ทำให้ร่างกายเป็นอยู่ได้ เปรียบเทียบอิทธิพลความเชื่อเรื่องลมปราณกับการเยียวยาโรค ในมุมมองของการแพทย์แผนไทยระหว่างพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู สรุปได้ดังนี้ พระพุทธศาสนา เข้าใจว่าเมื่อมีเหตุและปัจจัย จะเท่ากับผลที่ทำให้เกิดสติ กล่าวคือ สติจะระลึกและสามารถรับรู้ได้ สำหรับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลมปราณต้องฝึกการควบคุมลมหายใจ เพื่อให้ลมหายใจเข้ามาช่วยให้เราสามารถเข้าถึงสมาธิ ดังนั้น กายกับจิตต้องสัมพันธ์กันเพราะจิตเป็นสิ่งที่ควบคุมกาย เพราะฉะนั้นการที่เราดูแลร่างกายให้ดีอย่างไร ร่างกายเรานั้นก็เสื่อมไปตามกาลเวลา เมื่อใดที่ร่างกายเสื่อมเราก็ต้องดูแลให้ครบทั้งกายและจิตให้ดี
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
ข้อความในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร ปรัชญาปริทรรศน์
เอกสารอ้างอิง
เค็นเน็ธ จี ซิศค์. (2564). ลัทธินักพรตและการเยียวยาในอินเดียโบราณ: ระบบการแพทย์ในพุทธอาราม. แปลโดย ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิโกมลคีมทอง.
น้ำค้าง ฟักปัญญา. (2563). การศึกษาประสิทธิผลของตำรับยาสมุนไพรแก้ลมขึ้นเบื้องสูงในผู้ป่วยที่มารับการรักษาในคลินิกการแพทย์แผนไทยแห่งหนึ่งระหว่างปี พ.ศ.2557-2561. สารนิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ.วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, ๒๔๖๓.
พุทธทาสภิกขุ. (2564). คู่มือปฏิบัติอานาปานสติสมบูรณ์แบบ. กรุงเทพมหานคร: ธรรมสภา.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มที่ 24. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2546). อรรถกถาภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาอรรถกถา เล่มที่ 1. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สวามี สัตยานันท ปุรี. (2554). ปตัญชลีโยคะสูตร ทุติยบาท. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: สถาบันโยคะวิชาการ มูลนิธิหมอชาวบ้าน.
สันติสุข โสภณสิริ. (2561). พระพุทธศาสนากับภูมิปัญญาสุขภาพในสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสุขภาพไทย.
Damien Keown. (1995). Buddhism & Bioethics. New York: ST. MARTIN'S PRESS, 1995.
David Frawley. (1994). AYURVEDIC HEALING. Delhi: Motilal Banarsidass.
S.M. SRINIVASA CHARI. (2008). The Philosophy of Viéigtédvaita Vedanta: A Study Based on Vedanta Desika’s Adhzkamna—Sfirfivali. DELHI: MOTILAL BANARSIDASS PUBLISHERS.
Sri Swami Sachidananda. (2019). The Yoga Sutras of Patanjali. 8th Printing. Buckingham: Integral Yoga Publications.