การบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

Main Article Content

พระปลัดมงคล สุมงฺคลภาณี

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง การบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ตามความคิดเห็นของประชาชน 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกและ 3) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก


การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey. Research) โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ประชาชนที่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 15,742 คน ซึ่งใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง จากการแทนค่าในสูตรของ Taro Yamane ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 391 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดย หาค่าความถี่ (Frequency)  ค่าร้อยละ (Percentage) หาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การทดสอบไคสแควร์ (Chi-Square test) และการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants) จำนวน 9 รูปหรือคน และใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท


ผลการวิจัยพบว่า


1) การบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ตามความคิดเห็นของประชาชน โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (gif.latex?\bar{x}=3.37) เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านความมีเหตุผล (gif.latex?\bar{x}=3.41) ด้านความพอประมาณ (gif.latex?\bar{x}=3.39) เงื่อนไขด้านคุณธรรม (gif.latex?\bar{x}=3.38) เงื่อนไขด้านความรู้ (gif.latex?\bar{x}= 3.37) และด้านการมีภูมิคุ้มกันที่ดี (gif.latex?\bar{x}=3.33) ตามลำดับ


2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พบว่า เพศ อายุ การศึกษา และรายได้ของประชาชน ไม่มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วน อาชีพของประชาชน มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้ จึง


3) ปัญหา อุปสรรค เกี่ยวกับการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พบว่า ประชาชนที่เป็นแกนนำกลุ่มสมาชิกกลุ่มขาดความรู้ในการดำเนินชีวิตตามปลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และไม่มีการติดตามผล ไม่มีการประยุกต์ให้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เหมาะสมสภาพพื้นที่ของชุมชน ทั้งนี้สมาชิกมีความรู้ต่างกันไม่เท่าเทียมกัน ตลอดจนแหล่งน้ำไม่เพียงพอกับพื้นที่เกษตร และประชาชนขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีข่าวสารการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและขาดความรู้การรวมกลุ่มแหล่งทุนการอุตสาหกรรม เทคโนโลยีอย่างมั่นคง ข้อเสนอแนะการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พบว่า ควรจัดให้แกนนำกลุ่ม สมาชิกกลุ่มได้รับการเรียนรู้การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง เช่นเชิญวิทยากรจากหน่วยราชการมาให้ความรู้และจัดให้มีการติดตามผล จัดงบประมาณสร้างแหล่งน้ำให้เพียงพอกับพื้นที่การเกษตร จัดฝึกอบรมเรียนรู้อาชีพเสริมจากพื้นบ้านและจัดเรียนรู้พัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย และจัดสร้างศูนย์เรียนรู้การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมีศูนย์สาธิตให้เห็นเป็นรูปธรรม จัดให้มีศูนย์เรียนรู้การรวมกลุ่มทุน และหาแหล่งทุนในการทำอุตสาหกรรมในชุมชนจัดให้มีการให้ความรู้กระจายข่าวสาร เทคโนโลยีให้ชุมชน แต่ละชุมชน เรียนรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก

Article Details

บท
บทความวิจัย

References

1. กุญธิภา กิติวงษ์ประทีป. (2550). “การรับรู้เศรษฐกิจพอเพียงกับคุณภาพชีวิตในการทำงานและความสุขในการทำงานของพนักงาน : ศึกษาเฉพาะกรณี พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค”. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ. บัณฑิตวิทยาลัย:
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.

2. พระครูอุทัยวรกิจ (ณรงค์ สุปญฺโญ). (2557). “ประสิทธิผลการดำเนินงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต รัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

3. พระมหาเอกมร ฐิตปญฺโญ (คงตางาม). (2553). “ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการบริหารงานตามหลักสาราณียธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบล ในอำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

4. มยุรี พิมพ์สุวรรณ. (2545). “การดำเนินงานและความต้องการการแนะแนวการดำเนินงานโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ในโรงเรียนแกนนำเศรษฐกิจพอเพียง สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด”. รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระการศึกษามหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

5. สาคร ชำนาญปืน และคณะ. (2555). “การดำเนินชีวิตตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลเขาฉกรรจ์ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว”. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์.

6. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2545). เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร. (ม.ป.ท.).

7. สำนักทะเบียนอำเภอเมืองพิษณุโลก. รายงานสถิติประชากรและบ้าน ระดับตำบลของตำบลบึงพระ. ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 (อัดสำเนา).

8. สินชัย คงไทย. (ร้อยตำรวจตรี). (2557). “การบริหารจัดการตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของสถานีตำรวจภูธรลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต รัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

9. สุเมธ ตันติเวชกุล. (2543). การดำเนินชีวิตในระบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ. วารสารข้าราชการครู. มีนาคม-.

10. อภิชัย พันธเสน. (2556). เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงกับการวิเคราะห์ตามความหมายของนักเศรษฐศาสตร์ ในเอกสารประกอบการสัมมนาวิชาการ TDRI ประจำปี 2542.