แนวทางการส่งเสริมหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในจังหวัดปทุมธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพที่เป็นจริง สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นต่อหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในจังหวัดปทุมธานี และ 2) นำเสนอแนวทางการส่งเสริมหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในจังหวัดปทุมธานี เป็นวิจัยเชิงพรรณนา กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้สอนในโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในจังหวัดปทุมธานี จำนวนทั้งหมด 132 คนโดยใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง เท่ากับ 0.667-1 และแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ผู้ให้ข้อมูลหลัก คือศึกษานิเทศก์ จำนวน 2 คนและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 3 คน รวม 5 คน โดยใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง สถิติที่ใช้ในการในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพที่เป็นจริงของการส่งเสริมหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในจังหวัดปทุมธานีในภาพรวมอยู่ในระดับมากและสภาพที่พึงประสงค์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน ส่วนความต้องการจำเป็นในการส่งเสริมหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในจังหวัดปทุมธานี มีลำดับความต้องการจำเป็นจากค่ามากที่สุดไปน้อยที่สุด คือ สมรรถนะการจัดการตนเอง (0.198) สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม (0.122) สมรรถนะการคิดขั้นสูง (0.117) สมรรถนะการสื่อสาร (0.072) สมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง (0.051) และสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน (0.038) และ 2) แนวทางการส่งเสริมหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในจังหวัดปทุมธานี มี 6 ด้าน 30 แนวทาง ประกอบด้วย ด้านสมรรถนะการจัดการตนเองมี 5 แนวทาง ด้านสมรรถนะการคิดขั้นสูงมี 5 แนวทาง ด้าน สมรรถนะการสื่อสารมี 5 แนวทาง ด้านสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมมี 5 แนวทาง ด้านสมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งมี 5 แนวทาง และด้านสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืนมี 5 แนวทาง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจยวิชาการ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจยวิชาการก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กรรณิการ์ แสนสุภา และนเรศ กันธะวงศ์. (2564). การจัดการตนเอง: ทักษะในการพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน. วารสารศิลปศาสตร์ (วังนางเลิ้ง) มทร. พระนคร, 1(1), 25-34.
ซีส๊ะ บิลโหด. (2022). แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดหลักสูตรฐานสมรรถนะเพื่อพัฒนาทักษะด้านการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 9(3), 240-256.
นุชนาฏ มหาชิโนรส. (2566). การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ เรื่อง การแปรรูปผลิตภัณฑ์เห็ดนางฟ้าสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาชาวิชาหลักสูตรและการสอน). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
ปทิตตา ปิยสกุลเสวี. (2564, 31 มีนาคม). หลักสูตรใหม่กําลังมาเพื่อยกระดับเด็กไทย “หลักสูตรฐานสมรรถนะเรื่องจริงหรืออุดมคติ”. ไทยรัฐ. น. 16.
พระณัฐวุฒิ พันทะลี. (2563). การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในศตวรรษที่ 21. วารสารวิชาการพระพุทธศาสนาเขตลุ่มแม่น้ำโขง, 3(2), 44-55.
ภาคีเพื่อการศึกษาไทย.(2023). 4 ความท้าทายการปฏิรูปการศึกษา 6 ข้อเสนอก้าวข้าวความท้าทายการปฏิรูปการศึกษา. เข้าถึงได้จาก https://www.edusandbox.com/ 25th_ oct_23_suggestions/
วุฒิชัย ภูดี. (2565). การพัฒนาสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมของผู้เรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางของสะเต็มศึกษาแบบ 6E ร่วมกับโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนชุมชนบ้านคำพอกท่าดอกแก้ว. วารสารวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 6(1), 105-119.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2564). (ร่าง) กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะหลัก 6 ด้าน. เข้าถึงได้จาก https://cbethailand.com/หลักสูตร-2/กรอบหลักสูตร/สมรรถนะหลัก-6-ประการ