การพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้นาฎศิลป์บำบัดการรำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต สำหรับผู้สูงอายุ

Main Article Content

ประภาศรี ศรีประดิษฐ์
วารีรัตน์ แก้วอุไร

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้นาฎศิลป์บำบัดการรำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ 2) สร้างและตรวจสอบคุณภาพของแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้นาฎศิลป์บำบัดการรำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ ประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านแนวคิดนาฎศิลป์บำบัด ปราชญ์ชาวบ้านด้านนาฏศิลป์พื้นเมืองบ้านเขาสมอแคลง ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน และผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุบ้านเขาสมอแคลง ซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความเหมาะสม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และสถิติเชิงบรรยาย ผลการวิจัย พบว่า 1) แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มี 2 แนวทาง ได้แก่ 1.1) ด้านร่างกายและจิตใจควรจัดกิจกรรมให้ผู้สูงอายุร่วมกันสร้างสรรค์ท่ารำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลงเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะความแข็งแรง การยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และการมีเจตคติที่ดีต่อการร่วมกันอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง 1.2) ด้านสัมพันธภาพทางสังคมและสิ่งแวดล้อมควรจัดกิจกรรมให้ผู้สูงอายุร่วมกันฝึกปฏิบัติการรำมังคละประกอบเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลงภายใต้การออกแบบจัดเตรียมพื้นที่ในชั้นเรียนให้มีความเหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ และ 2) แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้นาฎศิลป์บำบัดการรำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ มีขั้นตอนที่สำคัญ 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 สร้างสรรค์ท่ารำมังคละด้วยการรื้อฟื้นเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง ขั้นที่ 2 เสริมสร้างคุณภาพชีวิตด้วยนาฎศิลป์บำบัดการรำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง ขั้นที่ 3 ทบทวนผลการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตด้วยนาฎศิลป์บำบัดการรำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง ทั้งนี้แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (Mean = 4.45, SD = 0.06)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ศรีประดิษฐ์ ป. ., & แก้วอุไร ว. . (2025). การพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้นาฎศิลป์บำบัดการรำมังคละเพลงพื้นบ้านบ้านเขาสมอแคลง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต สำหรับผู้สูงอายุ. วารสารวิจยวิชาการ, 8(6), 83–99. https://doi.org/10.14456/jra.2025.138
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2560). คู่มือโรงเรียนผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ : กองส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ.

กัญญาวีร์ เปี้ยนสีทอง, นพดล อินทร์จันทร์ และศรีรัฐ ภักดีรณชิต. (2561). การบริหารกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ โดยใช้กิจกรรมนาฏศิลป์บำบัดสำหรับชุมชนไทยพวน จังหวัดนครนายก. วารสารวิชาการนวัตกรรมสื่อสารสังคม, 6(1), 126–136.

บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

สมพงษ์ จิตสี. (2567, 24 พฤศจิกายน). แนวทางในการจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ ตามแนวคิดการปรับตัวของรอย โดยประยุกต์ใช้นาฏศิลป์พื้นเมืองตามทฤษฎีนาฏศิลป์บำบัดสำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุ. (ประภาศรี ศรีประดิษฐ์, ผู้สัมภาษณ์)

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). รายงานการศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อการพัฒนาประเทศ จากผลการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.

สำนักอนามัยผู้สูงอายุ. (2564). รายงานประจำปี 2564 สำนักอนามัยผู้สูงอายุ. เข้าถึงได้จาก https://eh.anamai.moph.go.th/th/anniversary-report/210903

สุนิสา ชูชัยยะ. (2560). การสร้างกิจกรรมนาฏศิลป์บำบัดเพื่อช่วยในการปรับตัวทางสังคมของผู้สูงอายุแรกเข้าบ้านพักคนชรา กรณีศึกษา : ศูนย์พัฒนาการจัดการสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ, 19(1), 166–176.

หรินทร์ ใจหนัก. (2560). คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในเขตเทศบาลเมืองบางริ้น ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง. (วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.

Mishra, S.S. & Shukla, S. (2022). Effect of Indian Folk-Dance Therapy on Physical Performances and Quality of Life in Elderly. Biomedical Human Kinetics, 14(1), 244-251.

Solla, P., et al. (2019). Sardinian folk dance for individuals with Parkinson’s disease: A randomized controlled pilot trial. The Journal of Alternative and Complementary Medicine, 25(3), 305-316.